การดูแลร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดคอและไหล่ ปรึกษาได้ที่แผนกกายภาพบำบัดของ เจ สหคลินิค
อาการปวดร่างกายในช่วงตั้งครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายและอารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง ฮอร์โมนที่แปรปรวน และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านรู้สึกไม่สบายตัว

ผลจากการเปลี่ยนแปลง เช่น ฮอร์โมนที่ทำให้ข้อต่อเชิงกรานหย่อน น้ำหนักและแรงกดจากท้องที่โตขึ้นทำให้ศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยน ท่าหลังแอ่นรุนแรงขึ้น การไหลเวียนเลือดไม่ดี และความเครียด สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการปวดเอวในช่วงตั้งครรภ์ได้บ่อย จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการปวดที่พบบ่อยในช่วงตั้งครรภ์
- ปวดหลัง
- ปวดเอว
- ปวดหรือชาตั้งแต่ก้นลงไปถึงขา
- ปวดคอและไหล่
- ปวดข้อ
- ตะคริวหรือกล้ามเนื้อเกร็ง
- เท้าบวม ขาบวมจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี
- อ่อนเพลีย เครียด หรือมีปัญหานอนไม่หลับ
การรักษาสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
นักกายภาพบำบัดและผู้เชี่ยวชาญจะตรวจและประเมินหาสาเหตุของอาการ แล้วให้การรักษาด้วยการยืดเหยียดและ Joint Mobilization (การเคลื่อนไหวข้อ) ที่เหมาะสม
Joint Mobilization คือการรักษาเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่ติดแข็ง เมื่อข้อกลับมาขยับได้ดีขึ้น ความเจ็บปวดก็จะลดลง

คุณแม่จะได้รับการรักษาในท่าที่ปลอดภัย เช่น นอนตะแคง หรือนั่ง เพื่อไม่ให้ร่างกายถูกกดทับ (ภาพจากการอบรมของนักกายภาพบำบัด)
การรักษาอาการปวดคอและไหล่ในช่วงตั้งครรภ์
สำหรับคุณแม่ที่มีอาการปวดคอหรือไหล่ จะมีการรักษาโดยคลายความตึงของกล้ามเนื้อที่เชื่อมระหว่างกะโหลกศีรษะและคอ (กล้ามเนื้อ Suboccipital)

ศีรษะของผู้ใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 4–6 กิโลกรัม กล้ามเนื้อนี้จึงต้องรับภาระอยู่เสมอ และยังเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของดวงตา คุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงแรกที่เคลื่อนไหวน้อย และใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน จึงมักเกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อนี้
การคลายความตึงของกล้ามเนื้อนี้ไม่เพียงช่วยลดอาการปวดคอและไหล่ แต่ยังช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนล้าทางสายตา ความอ่อนเพลียเรื้อรัง รวมถึงอาการไม่สมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติได้อีกด้วย
การรักษาอาการปวดเอวในช่วงตั้งครรภ์
หนึ่งในสาเหตุของอาการปวดเอวที่พบบ่อยในช่วงตั้งครรภ์ คือ ภาวะข้อต่อสะโพก-ก้นกบ (Sacroiliac joint dysfunction)
อาการไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปวดเอวเท่านั้น แต่ยังอาจปวดบริเวณก้น รอบเชิงกราน หรือด้านนอกต้นขา
เมื่อร่างกายสร้างฮอร์โมน Relaxin ในช่วงตั้งครรภ์ ข้อต่อสะโพก-ก้นกบจะหย่อนและขยับง่ายขึ้น นอกจากนี้เมื่อท้องโตขึ้น ทำให้ท่าทางหลังแอ่นและเชิงกรานบิดเบี้ยวได้ง่ายขึ้น

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ข้อต่อที่ปกติแทบไม่เคลื่อนไหว กลับเคลื่อนไหวมากเกินไปจนเกิดอาการปวด
ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะนี้ ทางคลินิกของเราจะรักษาด้วย การออกกำลังกายบำบัด (Exercise therapy) ซึ่งมีแรงกดน้อยและปลอดภัยต่อร่างกาย

ในการออกกำลังกายบำบัด ผู้ป่วยจะนั่งและขยับขาขึ้นลง ขณะเดียวกันนักกายภาพบำบัดจะช่วยปรับข้อต่อสะโพก-ก้นกบให้กลับสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการเข้ารับการรักษา
- สามารถเข้ารับการรักษาได้ตั้งแต่ สัปดาห์ที่ 16 ของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป) หากมีภาวะครรภ์เป็นพิษ เลือดออก หรือเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด จะไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้
- หากไม่มั่นใจว่าปลอดภัยหรือไม่ ควรปรึกษาสูติ-นรีแพทย์ประจำตัวก่อนทุกครั้ง
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการปวดเอว ปวดหลัง หรือปวดคอไหล่ สามารถติดต่อ ได้ทาง LINE โทรศัพท์ แบบฟอร์มติดต่อ หรือ Facebook ได้เลยค่ะ
(日本語) 手技治療と鍼治療で深層筋までアプローチする治療技術を練習する|J-CLINIC理学療法科・鍼灸漢方科
(日本語) 椎間関節性腰痛の治療の流れをロープレをしながら確認する| J-CLINIC 理学療法科
(日本語) 椎間関節性腰痛の原因を突き止めて治療を組み立てる|J-CLINIC 理学療法科
(日本語) 捻挫のエコー検査と膝の痛みの治療を勉強する|J-CLINIC理学療法科
(日本語) 椎間関節性腰痛の原因分析と運動療法について勉強する|J-CLINIC 理学療法科
1.椎間関節を包む関節包が腰部の屈曲伸展で伸ばされるイメージをテーピングで表現
2.上部腰椎・胸椎の可動性の低下が下部腰椎の負担を増大させる要因になることをバネを使って説明
3.胸椎の後弯の機能低下に対する運動療法
4.5.6.9.上部胸椎伸展を促す運動療法
7.上肢の挙上に伴い腰椎の前弯が強くならないかチェック。前弯が強くなる場合、上肢と肩甲帯の可動性が低下している可能性あり
8.腰椎後弯を維持したまま下肢を挙上させるエクササイズ。腹筋機能を向上させるエクササイズの一つ
10.上部胸椎を伸展させるエクササイズ。上部胸椎伸展可動域低下は椎間関節の負担を増大します
11.ヘルニアの神経根の圧迫について復習
(日本語) 椎間関節性腰痛の痛みの原因と治療について勉強する|J-CLINIC理学療法科
(日本語) 側屈と回旋の動きの評価を勉強、腰痛が発症する仕組みを理解する|J-CLINIC 理学療法科
(日本語) 膝の痛み、ベーカー嚢腫と膝窩部痛をエコーで検査する|J-CLINIC理学療法科・鍼灸漢方科
(日本語) 反り腰とスウェイバックの姿勢が引き起こす腰痛について勉強する|J-CLINIC 理学療法科
(日本語) 腰痛を防ぐ座り方は?座位の姿勢分析を勉強する|J-CLINIC理学療法科
(日本語) 膝の痛みの評価法と五十肩のエコー検査法を勉強する|J-CLINIC理学療法科・鍼灸漢方科
(日本語) 腰痛を引き起こす姿勢不良の特徴を分析する|J-CLINIC理学療法科
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการตรวจเอกซเรย์|J-CLINIC แผนกกายภาพบำบัด
ทางคลินิกขอแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจเอกซเรย์ในรูปแบบคำถามที่พบบ่อยดังนี้ค่ะ

FAQ
Q. การตรวจเอกซเรย์ที่ J-CLINIC นั้น สามารถตรวจวินิจฉัยการบาดเจ็บหรืออาการแบบไหนได้บ้างคะ
Q. การตรวจเอกซเรย์มีค่าใช้จ่ายเท่าไรคะ
Q. สามารถตรวจเอกซเรย์ได้ที่ J-CLINIC สาขาไหนได้บ้างคะ
Q. ในการตรวจเอกซเรย์ สามารถใช้ประกันได้ไหมคะ
Q. ในการตรวจเอกซเรย์มีข้อควรระวังอะไรบ้างไหมคะ
Q. การตรวจเอกซเรย์ที่ J-CLINIC นั้น สามารถตรวจวินิจฉัยการบาดเจ็บหรืออาการแบบไหนได้บ้างคะ
ทางคลินิกจะทำการตรวจเอ็กซ์เรย์ เมื่อคุณมีอาการปวด, ชา, บวม หรือรู้สึกไม่สบายตามข้อต่อและกระดูกบริเวณคอ, ข้อมือ, ไหล่, หลังส่วนล่าง, กระดูกเชิงกราน, ข้อต่อสะโพก, เข่า, ข้อเท้า เป็นต้น
ตัวอย่างของอาการและการบาดเจ็บมีดังต่อไปนี้
-
มีอาการปวดร่วมกับมีอาการชาร้าวลงแขนหรือขา
-
มีอาการปวดบวมบริเวณข้อต่ออย่างเฉียบพลันและเรื้อรัง
-
มีปัญหาในการเคลื่อนไหว เช่น การเดิน การขยับข้อต่อต่างๆ
-
มีอุบัติเหตุเฉียบพลัน เช่น การชนหรือกระแทก,ล้ม
-
ข้อเท้าพลิก
-
การคดของกระดูกสันหลัง
* ทางคลินิกไม่ได้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดหรือแก้ไขการเคลื่อนของข้อต่อ หากท่านสงสัยว่าข้อต่ออาจ มีการ เคลื่อน หลุด หรือแตก ร่วมกับได้รับบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน (เช่น ผิวหนัง เนื้อเยื่อไขมัน พังผืด กล้ามเนื้อ เอ็น เส้นเอ็น เส้นประสาท หลอดเลือด) ทางคลินิกแนะนำให้ท่านโปรดไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลก่อน เนื่องจากอาการของท่านอาจมีความจำเป็นในการตรวจพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น CT scan หรือ MRI ซึ่งทางคลินิกไม่มีเครื่องสำหรับการตรวจนี้
อย่างไรก็ดีทาง J-CLINIC ไม่มีเครื่องมือที่ใช้ตรวจดังกล่าว จึงขอให้ท่านไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลค่ะ → กรณีข้อไหล่หลุด, กรณีกระดูกหัก
Q. ผมมีอาการปวดข้อศอก ปกติผมมักจะไปตีกอล์ฟบ่อยๆจึงสงสัยว่าเป็นโรคข้อศอกนักกอล์ฟ (Golfer’s elbow) ในกรณีนี้ต้องตรวจโดยการเอกซเรย์ได้ไหมครับ?
หากสงสัยว่าเป็นโรคข้อศอกนักกอล์ฟ จะต้องตรวจดูการอักเสบที่เนื้อเยื่ออ่อนโดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ (Echo) ในกรณีที่มีความเจ็บปวดมาก อาจจะต้องตรวจเอกซเรย์เพื่อตรวจดูการผิดปกติที่กระดูกด้วยค่ะ
Q. การตรวจเอกซเรย์มีค่าใช้จ่ายเท่าไรคะ
650 บาท/ภาพค่ะ
ในบางกรณี เช่น เกิดการบาดเจ็บจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรง อาจตรวจทั้งเอกซเรย์และอัลตร้าซาวด์(Echo) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
ตามด้านล่างคือตัวอย่างค่ารักษาในกรณีที่คนไข้ตรวจเอกซเรย์, ตรวจอัลตร้าซาวด์(Echo) และรับการรักษาทางกายภาพบำบัด (1ตำแหน่ง) ค่ะ
- ค่าตรวจประเมินร่างกายแรกเข้า 500 บาท
- ค่าตรวจโดยแพทย์เวชกรรม (รวมใบรับรองแพทย์และรายงานการรักษาเบื้องต้น) 700 บาท
- ค่าตรวจเอกซเรย์ เริ่มต้น650 บาท*
- ค่าตรวจอัลตร้าซาวด์ (Echo) 500 บาท
- ค่ารักษาทางกายภาพบำบัด (หัตถการและไฟฟ้า) 1,600 บาท
*การส่งตรวจ X-ray จะอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์ เช่น ส่งตรวจข้อศอก 2 ภาพ คือ ด้านหน้าและด้านข้าง

Q. สามารถตรวจเอกซเรย์ได้ที่ J-CLINIC สาขาไหนได้บ้างคะ
สามารถตรวจเอกซเรย์ได้ที่ J-CLINIC สาขาเอกมัยเท่านั้นค่ะ ขอให้ท่านติดต่อนัดหมายล่วงหน้าก่อนที่จะเข้ามาที่คลินิกค่ะ
- สาขาเอกมัย: 097-245-7863
- Contact form
- Ekkamai Line account


Q. ในการตรวจเอกซเรย์ สามารถใช้ประกันได้ไหมคะ
ทาง J-CLINIC ไม่สามารถตอบได้ว่าประกันของท่านจะครอบคลุมการตรวจเอกซเรย์หรือไม่ ดังนั้นก่อนที่ท่านจะมาที่คลินิก ขอให้ท่านติดต่อสอบถามไปที่บริษัทที่ท่านทำประกันเพื่อให้ทางบริษัทประกันพิจารณาค่ะ
Q. ในการตรวจเอกซเรย์มีข้อควรระวังอะไรบ้างไหมคะ
-
ท่านที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะถ่ายภาพเอกซเรย์
-
การถ่ายภาพในบางตำแหน่ง ก่อนที่จะทำการถ่ายภาพ ท่านอาจจำเป็นต้องถอดเครื่องประดับทุกชิ้นที่เป็นโลหะ รวมถึงแผ่นแปะแก้ปวด, วัสดุที่เป็นพลาสติก, และเสื้อชั้นใน เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของเหล่านี้เข้ามาอยู่ในภาพถ่าย
-
ขณะกำลังถ่ายภาพ จะไม่สามารถเพิ่มตำแหน่งที่ต้องการถ่ายภาพได้ หากท่านต้องการเพิ่มตำแหน่งถ่ายภาพ กรุณาปรึกษาแพทย์
ท่านที่ต้องการตรวจรักษาที่เจ สหคลินิก กรุณาอ่านที่นี่ค่ะ