ในวันจันทร์ที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ. 2568 เจสหคลินิกจะปิดทําการตลอดทั้งวัน สำหรับการฝึกอบรมพนักงานค่ะ
Update: 20/2/2025
* The above times and days may change without notice. Please make an appointment in advance.
<จุดมุ่งหมายของการฝังเข็มต่อภาวะมีบุตรยาก>
・การฝังเข็มควบคู่กับการรักษาด้วยการผสมเทียม (AIH) การทำเด็กหลอดแก้ว(IVF) การทำอิ๊กซี่ (ICSI)
・การฝังเข็มควบคู่กับการนับวันไข่ตก ระหว่างที่เตรียมพร้อมตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ
สำหรับคนไข้ที่มีการรักษาการผสมเทียมอยู่แล้ว คุณหมอแผนจีนจะการใช้ข้อมูลผลตรวจทางแพทย์ปัจจุบันร่วมกับการรักษาฝังเข็มเพื่อวางแผนการรักษาให้สอดคล้องไปในทางเดียวกัน
ผลของการฝังเข็มและรมยาขึ้นอยู่กับอาการและเงื่อนไขคนไข้
การฝังเข็มและรมยาช่วยเพิ่มให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ปรับสมดุลฮอร์โมนและอุณภูมิในร่างกาย และกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ
หลังการรักษา คุณหมอจะเตรียมเทคนิคการดูแลร่างกายให้กับคนไข้ให้สอดคล้องกับลักษณะอาการของคนไข้ บางอาการคุณหมอจะแนะนำให้ทานยาจีน หรืออบสมุนไพรเพิ่มเติมอีกด้วย
สิ่งสำคัญก่อนที่จะเริ่มเข้ารับการรักษาการฝังเข็มที่คลีนิค ไม่ใช่การฝังเข็มเพียงหลังการผสมเทียมเท่านั้น หากช่วงก่อนการผสมเทียมก็มีความสำคัญมากๆเช่นกัน ดังนั้นควรเตรียมความพร้อมร่างกายที่ดีและร่างกายที่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์
ฟอลลิเคิลภายในรังไข่ใช้เวลาประมาณ 150 วันในการเจริญเติบโต ควรใช้เวลาเตรียมพร้อมร่างกายประมาณ 3-6 เดือน โดยทั่วไปแนะนําให้มารักษาที่คลินิกทุกสัปดาห์หรือทุกๆ 10 วัน
สําหรับผู้ที่ไม่สามารถมารักษาได้บ่อยๆ ทางคลีนิกสามารถจ่ายยาสมุนไพรจีน ท่านสามารถใช้ moxibustion ที่บ้านได้ และทางคลีนิกสามารถให้คําแนะนําเกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทานได้
จากที่กล่าวมา การฝังเข็มสามารถทำให้ความเครียดสะสมในร่างกายลดลง เนื่องจากเข็มช่วยกระตุ้นร่างกายส่งเสริมการปล่อยฮอร์โมน endorphins(ฮอร์โมนแห่งความสุข) ส่วนมากคนไข้ที่ทำ IVF ภาวะทางอารมณ์อ่อนไหวและอ่อนเพลีย เนื่องจากตารางการไปหาหมอที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง จึงมีหลากหลายอารมณ์ เช่น ความประหม่า ความวิตกกังวล การรอคอยอย่างคาดหวัง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เกิดการนอนหลับที่ไม่ดี การฝังเข็มช่วยลดความอ่อนเพลียและผ่อนคลายมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมคนไข้ควรมาฝังเข็มก่อนเข้ารับการรักษา IVF
อย่างไรก็ตามยังมีการรักษาอีกหลากหลายวิธีที่สามารถช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากได้ หากมีความผิดปกติของร่างกายอื่นมาเป็นปัจจัยเสริม ในบางครั้งการฝังเข็มอาจไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีสำหรับร่างกายคนไข้บางคนได้
หากท่านกำลังสงสัยว่าอยู่ในภาวะที่มีบุตรยาก ทางคลินิกแนะนำให้ท่านตรวจเช็คความพร้อมร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์กับทางโรงพยาบาลก่อนรับการรักษาฝังเข็ม เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกายในตอนเช้า การตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อหรือน้ำอุสจิ การตรวจมูกที่ปากมดลูก การฉีดสีตรวจท่อนำไข่ (HSG) การตรวจอัลตร้าซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อที่จะยืนยันเกี่ยวสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก (ซึ่งทางเจ สหคลินิก ไม่ได้รับการตรวจทั้งหมดที่กล่าวมา)
สวัสดีค่ะ หมอผิงจากเจสหคลินิกนะคะ ไม่ว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืน หรือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนหลับต่อไม่ได้ หลับต่อยาก หลับไม่สนิท หลับแล้วตื่นง่าย หรือจะเป็นอาการหลับๆ ตื่นๆ ก็ไม่ควรนิ่งดูดาย หรือมัวแต่นอนนับแกะนับแพะอยู่ หรือคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อเรานอนไม่หลับ มันย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเราเกือบจะทั้งหมด
แต่รู้หรือไม่ว่า การที่เราพึ่งพายานอนหลับเพื่อช่วยให้เรานอนหลับมันแย่ยิ่งกว่าการที่เรานิ่งดูดาย หรือมองเรื่องการนอนไม่หลับเป็นเรื่องปกติเสียอีก นั่นเพราะในตัวยาบางตัวของยานอนหลับบางชนิดมีสารออกฤทธิ์ที่อันตราย ถึงขั้นทำให้สูญเสียความทรงจำหรือร้ายแรงไปถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มี หากมีการใช้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน
เป็นศาสตร์ในด้านการรักษาที่มีทฤษฎีและหลักการวินิจฉัยรักษาโรคที่แตกต่างจากการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยถือว่า มนุษย์มีความเป็นเอกภาพกับธรรมชาติ กล่าวคือ เมื่อฤดูกาล เวลา สถานที่ มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีผลกระทบต่อร่างกาย จึงส่งผลทำให้เกิดโรคและอาการต่างๆ ขึ้น
ในมุมมองของแพทย์แผนจีนมักจะสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ อารมณ์แปรปรวน การตรากตรำทำงานหนัก หรือร่างกายอ่อนแอหลังจากเจ็บป่วย เป็นต้น
กลไกการเกิดโรค คือ เสินหัวใจขาดการหล่อเลี้ยง หรือ ถูกรบกวน จิตใจ ไม่สงบ การทำงานของเส้นลมปราณขาดสมดุล หยางมีมากเกินไป อินมีน้อยเกินไป อินหยางขาดสมดุล
*เสิน （神）คือสติ ทำหน้าที่ในการควบคุมการนึกคิด จิตสำนึก
เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่สามารถสังเกตได้จากการแสดงออกของสีหน้า ความมีชีวิตชีวา แววตา
*หยาง ลักษณะร่างกายหยาง คล่องแคล่ว พูดเก่ง คิดไว กระวนกระวายง่าย กระฉับกระเฉง ขี้ร้อน ชีพจรเต้นเร็ว อารมณ์เสียง่าย หน้าแดง หายใจแรง หงุดหงิดง่าย ตัวร้อน กินเก่ง ท้องผูกง่าย คอและปากแห้ง เป็นต้น
*อิน ลักษณะร่างกายอิน เชื่องช้า สงบ หายใจเบา ชีพจรเต้นช้า หน้าซีดขาว ขี้หนาว แขนฝ่ามือ ฝ่าเท้า และขาเย็น ทานอาหารได้น้อย ท้องอืดง่าย ระบบย่อยไม่ค่อยดี ไม่ค่อยกระหายน้ำ เป็นต้น
แบ่งการวินิจฉัยตามกลุ่มอาการ 5 ประเภท
อาการ : นอนไม่หลับ ฝันมาก ในรายที่อาการรุนแรงอาจถึงขั้นนอนไม่หลับทั้งคืน ใจร้อน โมโหง่าย เวียนศีรษะ ตึงศีรษะ ตาแดง หูอื้อ ปากแห้งหรือปากขม ท้องผูก ลิ้นแดงฝ้าเหลือง ชีพจรตึงเร็ว（弦数）
วิธีรักษา : ปรับการไหลเวียนของชี่ตับ ระบายร้อน สงบจิตใจ
อาการ : นอนไม่หลับ หงุดหงิด แน่นหน้าอก เรอ สะอึก ปากขม หนักศีรษะ ตาลาย ลิ้นค่อนข้างแดง ฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจรลื่นเร็ว（滑数）
วิธีรักษา : สลายเสมหะร้อน ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร สงบจิตใจ
อาการ : หลับยาก ฝันมาก ตื่นบ่อย ใจสั่น ขี้ลืม อ่อนเพลีย แขนขาอ่อนแรง ทานอาหารน้อยลง ท้องอึด ถ่ายเหลว เวียนศีรษะ ตาลาย ใบหน้าไม่มีชีวิตชีวา ลิ้นซีดฝ้าบาง ชีพจรเล็กไม่มีแรง（细无力）
วิธีรักษา : บำรุงม้ามและหัวใจ บำรุงเลือด สงบจิตใจ
อาการ : นอนไม่หลับ หงุดหงิด หลับยาก ใจสั่น ฝันมาก ปวดเมื่อยเอว ตัวร้อน เหงื่ออกตอนนอน ฝ่ามือฝ่าเท้าร้อน กลางอกร้อน เวียนศีรษะ คอแห้ง มีเสียงในหู ฝันเปียก(ผู้ชาย) ประจำเดือนมาไม่ปกติ(ผู้หญิง) ลิ้นแดงฝ้าบาง ชีพจรเล็กเร็ว（细数）
วิธีรักษา : บำรุงอิน ลดความร้อน เชื่อมประสานหัวใจและไต
อาการ : นอนไม่หลับ ฝันร้าย ตื่นตกใจง่าย ขี้ตกใจ ขี้กลัว ใจสั่น หายใจสั้น เหงื่อออกง่าย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ลิ้นซีด ชีพจรตึงเล็ก（弦细）
วิธีรักษา : บำรุงลมปราณ ลดอาการตกใจ สงบจิตใจ
ชื่อ : คุณA เพศ : หญิง อายุ : 36 ปี
ประวัติการเจ็บป่วย/ โรคประจำตัว : ผ่าตัดมดลูก ประมาณ 3 ปี , ไมเกรน
คนไข้มาด้วยอาการนอนไม่หลับ ใช้เวลาในการเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง ตื่นกลางดึกบ่อย และเข้านอนต่อยาก มีฝันเยอะระหว่างคืน ตื่นเช้าไม่สดชื่น ร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ตั้งแต่ท้ายทอยขึ้นมาถึงขมับทั้ง 2 ข้าง เหนื่อยง่าย มีความอยากอาหาร แต่ทานได้น้อย บางครั้งมีแก๊สในท้อง ขับถ่ายปกติ ไม่มีความเครียด
ผลการรักษา : ในครั้งแรกของการรักษามีเพียงการฝังเข็มเพียงอย่างเดียว ทำให้ยังไม่เห็นผลการรักษาที่เปลี่ยนแปลงมากนัก ในครั้งถัดมา จึงได้ปรับการรักษาโดยการใช้ยาจีนควบคู่กับการฝังเข็ม หลังจากนั้น อาการของคนไข้เริ่มดีขึ้น คือ สามารถเข้านอนโดยใช้เวลาที่สั้นลง ไม่มีตื่นกลางคืน แต่ยังมีอาการฝันเยอะ อาการปวดหัวมีเป็นบางครั้ง บางครั้งมีทานยาแก้ปวดร่วมด้วย การรักษาฝังเข็มควบคู่กับการทานยาจีนร่วม ในช่วงแรกทำการรักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 6 ครั้ง ทำให้อาการนอนไม่หลับของคนไข้ดีขึ้น ใช้เวลาเข้านอนน้อยลง ไม่มีตื่นกลางดึก ตื่นเช้ามีแรงมากขึ้น
หากใครที่มีอาการนอนไม่หลับให้ลองดูแลตัวเองตามคำแนะนำด้านบน หากอาการยังไม่ดีขึ้น สามารถเข้ามาปรึกษากับทางแพทย์แผนจีนได้ โดยวิธีการรักษาและระยะเวลา จะขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์
คุณแม่หลายท่านมักมีปัญหาหลังต้องหยุดให้นมบุตร มีอาการเจ็บตึงเต้านม มีก้อนแข็งกดแล้วเจ็บ
ทำให้กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกเจ็บ ตึง และไม่สบายตัว หากไม่ได้รับการรักษาดูแลอย่างถูกวิธี อาการคัดตึงและเจ็บหน้าอกจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาการเหล่านี้สามารถบรรเทาลงได้จากการรักษาที่ถูกวิธี และการดูแลตัวเองอย่างถูกหลัก วันนี้เราจึงมีเคสกรณีศึกษา
ตัวอย่างมาแชร์ให้เหล่าคุณแม่ที่มีอาการดูเป็นตัวอย่างนะคะ
อาการของคนไข้แสดงให้เห็นว่า เกิดจากการที่มีน้ำนมเก่าคั่งค้างในเต้านม โดยไม่ได้ระบายน้ำนมออกเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดการติดขัดของการไหลเวียนเลือด เกิดการอักเสบของเต้านมตามมาโดยจะมีอาการคัดตึงเต้านม เมื่อคลำเต้านมจะแข็งตึง กดจะรู้สึกเจ็บและปวดไปทั่วบริเวณเต้านม
ในการรักษาจะเน้นการฝังเข็มปรับการไหลเวียนเลือด และนวดคลายก้อนแข็งบริเวณรอบๆฐานเต้านม เพื่อขับนมที่คั่งค้างอยู่ภายในออกในปริมาณหนึ่ง ร่วมกับการให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองภายหลังการรักษา
คนไข้ไม่มีระบม ไม่มีคัดตึงเต้านมระหว่างสัปดาห์ และไม่มีน้ำนมไหลแล้ว แต่ยังมีก้อนแข็งที่ฐานนมด้านข้างอยู่
จึงเน้นเป็นการคลายก้อนที่ยังเหลืออยู่ แต่ไม่เน้นการขับน้ำนมออก เพื่อเป็นการไม่กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมเพิ่ม
คุณแม่ที่กำลังหยุดให้นมบุตร หากมีอาการเจ็บตึงเต้านมไม่หาย ให้หมั่นสังเกตและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี หากอาการคัดตึงและเจ็บหน้าอกเป็นมากขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและทันท่วงทีค่ะ
Sorry, this entry is only available in 日本語.
คำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้เข้ามารับการตรวจประเมินครั้งแรก｜แผนกกายภาพบำบัด J-CLINIC
คำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้เข้ามารับการตรวจประเมินแรกเข้า｜แผนกการแพทย์แผนจีน J-CLINIC
ทางคลินิกได้สรุปคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ไว้ดังนี้ค่ะ
ที่คลินิกจะใช้เครื่องตรวจอัลตร้าซาวด์ (ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และบันทึกภาพ) ในการตรวจดูลักษณะของกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นกระดูก ข้อต่อ และใช้เพื่อระบุบริเวณที่เกิดการอักเสบ เสียหาย หรือฉีกขาดค่ะ
เราจะตรวจโดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ เมื่อมีการบาดเจ็บหรืออาการดังต่อไปนี้ค่ะ
ทั้งนี้ ในการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์จะไม่สามารถดูลักษณะของกระดูก เช่น การแตกหักของกระดูก หรือข้อหลุด ข้อเคลื่อนได้ ในทางกลับกัน การเอกซเรย์จะสามารถดูลักษณะของกระดูกได้ แต่จะไม่สามารถดูลักษณะของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในกรณีที่ตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์และรักษาโดยการทำกายภาพบำบัด (1จุด) จะมีรายละเอียดตามนี้ค่ะ
*ในกรณีที่ไม่ประสงค์จะเบิกประกันและไม่รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เวชกรรม (ไม่รับใบรับรองแพทย์) จะไม่มีค่าตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ 700 บาท (ตามข้อ 2) ค่ะ
คนไข้สามารถทำการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเข้ารับบริการได้ทั้ง 3 สาขา (สาขาพร้อมพงศ์, สาขาทองหล่อ, สาขาเอกมัย) ค่ะ
การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ จะเป็นการนำหัวตรวจ (Probe) สัมผัสที่ผิวหนังของคนไข้เท่านั้น จึงไม่รู้สึกเจ็บค่ะ
Update: 29/4/2025
คำถามที่พบบ่อยสำหรับการตรวจเอกซเรย์｜J-CLINIC แผนกกายภาพบำบัด
ขอขอบพระคุณทุกความสนับสนุนที่มีให้กับเจสหคลินิกตลอดมา ทางเจสหคลินิกขอให้คำสัญญาว่าจะตั้งใจรักษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทางเจสหคลินิกขอแจ้งยุติการใช้ส่วนลดดังต่อไปนี้ วันสุดท้ายของการใช้ส่วนลดคือวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567
ระบบส่วนลดนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 แต่ ณ ปัจจุบัน ทางคลินิกประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากที่จะคงส่วนลดนี้ต่อไป เนื่องจากในการรักษาระดับคุณภาพการรักษานั้น มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เจสหคลินิกต้องขออภัยในความไม่สะดวก ทางคลินิก ขอขอบพระคุณสำหรับความเข้าใจที่มีให้กับเจสหคลินิกเสมอมา พนักงานของเราทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บริการและรักษาให้ดียิ่งๆขึ้นต่อไป
Sorry, this entry is only available in 日本語.
Sorry, this entry is only available in 日本語.
ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ
J-CLINIC ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจและการสนับสนุนของทุกท่าน ในขณะเดียวกัน เรามุ่งมั่นพัฒนาและตั้งใจที่จะมอบการรักษาและการบริการที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับทุกท่านที่มาใช้บริการ
Q.ที่ J-CLINIC ให้บริการการรักษาแบบไหนบ้างคะ
Q. แผนกการแพทย์แผนจีนของ J-CLINIC สามารถรักษาอะไรได้บ้างคะ
Q. จำเป็นต้องทำการนัดหมายก่อนมารักษาหรือไม่คะ
Q. ขอทราบเวลาเปิดทำการของคลินิกค่ะ
Q. อยากทราบระยะเวลาโดยประมาณในการตรวจรักษาค่ะ
Q. มีบริการรักษานอกสถานที่ไหมคะ
Q. มีสิ่งผู้ป่วยต้องนำติดตัวมาในการมาพบแพทย์ครั้งแรกไหมคะ
Q. ค่าใช้จ่ายเมื่อมาตรวจรักษาในครั้งแรกประมาณเท่าไรคะ
Q. ที่คลินิกมีคูปองในการรักษาจำหน่ายไหมคะ
Q. มีส่วนลดค่าแนะนำหรือส่วนลดพิเศษสำหรับค่ารักษาไหมคะ
Q. สามารถชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิตได้ไหมคะ
Q. สามารถใช้ประกันในการรักษาโดยการฝังเข็มได้ไหมคะ
Q. การฝังเข็ม รมยา คือการรักษาอย่างไรคะ
Q. ดิฉันอยู่ในระหว่างมีประจำเดือนค่ะ สามารถมารับการรักษาได้ไหมคะ
Q. ดิฉันต้องการรักษาอาการข้อไหล่ติดโดยการฝังเข็ม ทาง J-CLINIC ทำให้ได้ไหมคะ
Q. ที่คลินิกสามารถรักษาอาการหูมีเสียงได้ไหมคะ
Q. ที่คลินิกรักษาเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากด้วยไหมคะ
Q. ในระหว่างตั้งครรภ์ สามารถเข้ารับการฝังเข็มเพื่อความงามได้ไหมคะ
Q. การครอบแก้วคือการรักษาอย่างไร
Q. การครอบแก้วที่คลินิกเป็นการครอบแก้วแบบแห้ง (Dry Cupping) รึเปล่าคะ
Q. นานแค่ไหนกว่ารอยจากการครอบแก้วจะหายไปคะ
Q. การกัวซาคือการรักษาอย่างไรคะ
Q. สามารถนวดกัวซาที่ศีรษะส่วนเดียวได้ไหมคะ
Q. ดิฉันฝังเข็มมาเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ดิฉันรู้สึกเหนื่อยล้า ดิฉันควรทำอย่างไรคะ
Q. ฉันรู้สึกตึงเล็กน้อยบริเวณที่มีการฝังเข็ม อาการตึงนี้เป็นอาการปกติใช่ไหมคะ
Q. ทางคลินิกฝังเข็มให้เมื่อวานนี้ ตอนนี้เกิดรอยช้ำขึ้นที่บางจุดที่มีการฝังเข็ม ดิฉันควรทำอย่างไรคะ
Q. ดิฉันจะไปที่คลินิกโดยรถยนต์ส่วนตัวค่ะ ที่คลินิกมีที่จอดรถไหมคะ
Q. จำเป็นต้องให้ทิปหรือเปล่าคะ
Q. ดิฉันสามารถพาลูกไปด้วยได้ไหมคะ
Q. เมื่ออยู่ในคลินิก สามารถถ่ายคลิปวิดีโอแล้วอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ได้ไหมคะ?
เรามีบริการรักษาทางกายภาพบำบัด การแพทย์แผนไทยประยุกต์ และการแพทย์แผนจีน
1. การรักษาทางกายภาพบำบัดและการรักษาทางการแพทย์แผนไทยประยุกต์
การรักษาทางกายภาพบำบัดของ J-CLINIC เป็นการรักษาโดยใช้หลักการพื้นฐานทางกายภาพบำบัดและการทำหัตถการ ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
2. การรักษาทางแพทย์แผนจีน
การรักษาทางแพทย์แผนจีนของ J-CLINIC ประกอบด้วย การฝังเข็ม รมยา ครอบแก้ว กัวซา และยาจีนเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
แผนกการแพทย์แผนจีนที่ J-CLINIC สามารถรักษาอาการเหล่านี้ได้ค่ะ
การฝังเข็ม เหมาะสำหรับกลุ่มอาการดังนี้คือ กลุ่มอาการปวด เช่น ปวดหลัง ออฟฟิสซินโดรม ปวดหัวไมเกรน; กลุ่มอาการเกี่ยวกับภาวะทางด้านอารมณ์ เช่น แพนิค วิตกกังวล; กลุ่มอาการทางระบบย่อยอาหาร เช่น ลำไส้แปรปรวน เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องผูก; กลุ่มอาการทางระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ; โรคทางนรีเวช เช่น ปวดท้องประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ วัยทอง ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก; กลุ่มอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไอเรื้อรัง เจ็บคอ ภูมิแพ้; กลุ่มอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต แขน-ขาอ่อนแรง โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) เป็นต้น
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ใช่ค่ะ รบกวนทำการนัดหมายก่อนเข้ารับการรักษาค่ะ
สามารถทำการนัดหมายได้โดยการส่งไลน์หรือโทรไปที่คลินิกสาขาที่สะดวก โดยจะมีพนักงานชาวไทยจะเป็นผู้ดำเนินการรับเรื่องค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
คลินิกเปิดทำการเวลา 9:00-18:30 (ฝ่ายต้อนรับ) โดยจะเปิดทำการทุกวันไม่มีวันหยุด ยกเว้นช่วงเทศกาลปีใหม่ค่ะ
อย่างไรก็ดี อาจมีบางวันที่ทางคลินิกหยุด เนื่องจากมีฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งทางคลินิกจะแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับวันหยุดนี้ทาง Facebookของคลินิกค่ะ
ระยะเวลาตรวจรักษาโดยประมาณคือ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง มีขั้นตอนคือ ผู้เข้ารับการรักษากรอกแบบฟอร์มประวัติ, ซักประวัติ, เปลี่ยนเสื้อผ้า, ทำการหัตถการหรือรักษาค่ะ
ในกรณีที่มารับการรักษาเป็นครั้งแรก อาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง และในทางกลับกัน บางกรณีอาจใช้เวลาน้อยกว่า 45 นาที ขึ้นอยู่กับอาการด้วยค่ะ (เช่น ในกรณีที่ไม่ควรกระตุ้นมากจนเกินไป เป็นต้น)
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีบริการรักษานอกสถานที่ค่ะ ขอให้คนไข้ที่ต้องการรักษามาที่คลินิกนะคะ
ในการมารักษาครั้งแรก กรุณาเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนมาเพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ค่ะ
แจ้งเรื่องการขอบัตรประชาชน
เนื่องจากคลินิกของเราเป็นสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย เราจึงจำเป็นต้องมีการขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารบัตรแสดงตนที่มีรูปถ่ายอื่น ๆ ที่ออกโดยรัฐบาลไทย (เช่น ใบขับขี่ไทย เป็นต้น)
ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และจะไม่ถูกเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต หากท่านไม่สะดวกในการแสดงบัตรประชาชน อาจมีข้อจำกัดในการให้บริการตามระเบียบของคลินิก ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจและความร่วมมือค่ะ
ทาง J-CLINIC ไม่มีบริการตรวจสุขภาพเพื่อใช้ในการต่ออายุใบขับขี่หรือการขอวีซ่า จึงไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ค่ะ ทางเราจะออกใบรับรองแพทย์สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาที่ J-CLINIC เท่านั้นค่ะ
ทั้งนี้ การออกใบรับรองแพทย์มีค่าใช้จ่ายค่ะ (700 บาท รวมค่าตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์, ค่าใบรับรองแพทย์ และรายงานทางการแพทย์เบื้องต้น)
โดยส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งแรกจะอยู่ที่ 2,100 บาท (สำหรับ 1 อาการ) โดยแบ่งเป็นค่าตรวจประเมินร่างกายแรกเข้า 500 บาทและค่ารักษาทางการแพทย์แผนจีน (สำหรับ 1 อาการ) 1,600 บาทค่ะ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายนี้คือค่าใช้จ่ายโดยประมาณค่ะ
อย่างไรก็ดี ในบางกรณี เช่น ผู้เข้ารับบริการมีความประสงค์จะรับยาจีนหรือการเพิ่มการรักษาโดยการครอบแก้ว, กรณีที่มีหลายอาการ หรือมีความจำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดค่าใช้จ่าย โปรดติดต่อสอบถามกับทางคลินิกค่ะ
ทางคลินิกไม่มีส่วนลดค่าแนะนำสำหรับใช้ลดค่ารักษาค่ะ
ถึงแม้จะรักษาด้วยการครอบแก้วเพียงอย่างเดียว ก็จะมีค่าตรวจประเมินแรกเข้าค่ะ
กรณีที่มาที่คลินิกเพื่อรับการฝังเข็มเพื่อความงามเพียงอย่างเดียว ก็มีค่าตรวจประเมินแรกเข้าเช่นกันค่ะ
ยกเว้นกรณีที่ท่านมีประวัติการตรวจรักษาที่แผนกกายภาพบำบัดของ J-CLINIC แล้ว แต่มารักษาแพทย์แผนจีน (ฝังเข็ม รมควัน ยาจีน) เป็นครั้งแรก ท่านจะไม่ต้องเสียค่าตรวจประเมินแรกเข้าค่ะ
สามารถชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิต (ยกเว้นบัตร American Express และ Diners Club), เงินสด หรือสแกน QR Code ค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันจะไม่ครอบคลุมการรักษาโดยการฝังเข็มค่ะ อย่างไรก็ดี J-CLINIC ไม่สามารถตอบได้แน่ชัดว่าประกันของท่านจะครอบคลุมการรักษาหรือไม่ จึงขอให้ติดต่อสอบถามไปที่บริษัทประกันของท่านค่ะ
ในกรณีที่ท่านมารักษาโดยการแพทย์แผนจีนที่ J-CLINIC เช่น ฝังเข็ม หรือรับยาสมุนไพรจีน เป็นต้น ใบรับรองแพทย์จะออกโดยแพทย์แผนจีน（Traditional Chinese medicine doctor) ไม่ใช่แพทย์เวชกรรมค่ะ
ทางบริษัทประกันอาจต้องการใบรับรองแพทย์ที่เขียนโดยแพทย์เวชกรรม ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับกฏระเบียบเงื่อนไขของบริษัทประกันแต่ละแห่งค่ะ
ในกรณีที่สามารถใช้ประกันในการรักษาโดยการฝังเข็มได้ ขอให้ท่านตรวจสอบเอกสารที่ต้องนำส่งให้กับบริษัทประกันอย่างละเอียดค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การฝังเข็มคือ การใช้เข็มขนาดเล็กแบบใช้แล้วทิ้ง สำหรับใบหน้าใช้ขนาด 0.1 มม. และสำหรับร่างกายใช้ขนาด 0.16-0.25 มม. เป็นการฝังเข็มแบบเทคนิคญี่ปุ่นโดยใช้ปลอกเข็มควบคู่ขณะลงเข็ม ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลง จะฝังเข็มตามจุดฝังเข็มบนร่างกาย อาจใช้มือหมุนเข็มเพื่อกระตุ้นเล็กน้อยหรือใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการขยับของกล้ามเนื้อมัดลึกที่แข็งเกร็งให้สามารถคลายตัวออกได้
การรมยาคือ การใช้แท่งยาสมุนไพร จุดไฟรมบริเวณจุดฝังเข็มเพื่อให้เส้นลมปราณมีความอบอุ่นค่ะ
สามารถมารับการรักษาได้ แม้จะอยู่ในระหว่างมีประจำเดือนค่ะ การรักษาโดยการฝังเข็มอาจช่วยบรรเทาอาการ PMS และอาการปวดประจำเดือนได้ด้วยค่ะ
แม้ว่าโอกาสที่จะเสียเลือดหรือมีเลือดออกจากการฝังเข็มจะพบได้น้อย แต่ท่านที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยาต้านเกร็ดเลือด, ยาสลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือภาวะสมองขาดเลือด จะมีความเสี่ยงที่แผลไม่ตกสะเก็ดหรือมีเลือดออกสูงกว่าปกติ ดังนั้น J-CLINIC จึงของดการให้บริการฝังเข็มแก่ท่านที่รับประทานยาดังต่อไปนี้
– ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (สำหรับการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ)
– ยาต้านเกล็ดเลือด (สำหรับโรคหลอดเลือดแดง)
– ยาสลายลิ่มเลือด(สำหรับการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ)
ผู้ที่มีกลุ่มโรคหรืออาการดังต่อไปนี้จะไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่ J-CLINIC ค่ะ (สำหรับข้อห้ามในการทำกายภาพบำบัด โปรดดูคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้เข้ามารับการตรวจประเมินแรกเข้า แผนกกายภาพบำบัด)
| วิธีการรักษา | ข้อห้าม |
| การฝังเข็ม | โรคไข้เฉียบพลัน*1, โรคติดเชื้อเฉียบพลัน, เนื้องอกมะเร็ง*2, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, เลือดออกผิดปกติ, การบาดเจ็บ*3 (บาดแผล, กระดูกหัก, ข้อกระดูกเคลื่อน), โรคหลอดเลือด*5 (หลอดเลือดโป่งพอง, หลอดเลือดแข็งสูง), โรคเลือด*5 (ฮีโมฟีเลีย, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ), ผู้ที่ตั้งครรภ์*6, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน, แผลติดเชื้อ, การแพ้โลหะ, การสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบฝัง เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ*7 |
| ครอบแก้ว | โรคไข้เฉียบพลัน*1, โรคติดเชื้อเฉียบพลัน, เนื้องอกมะเร็ง*2, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, เลือดออกผิดปกติ, การบาดเจ็บ*3 (บาดแผล, กระดูกหัก, ข้อกระดูกเคลื่อน), ไตอักเสบ, โรคหลอดเลือด (หลอดเลือดโป่งพอง, หลอดเลือดแข็งสูง), โรคเลือด (ฮีโมฟีเลีย, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ), การตั้งครรภ์, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน, แผลติดเชื้อ, โรคติดต่อทางเลือด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และเอชไอวี |
| กัวซา | โรคไข้เฉียบพลัน*1, โรคติดเชื้อเฉียบพลัน, เนื้องอกมะเร็ง*2, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, เลือดออกผิดปกติ, การบาดเจ็บ*3 (บาดแผล, กระดูกหัก, ข้อกระดูกเคลื่อน), ไตอักเสบ, โรคหลอดเลือด (หลอดเลือดโป่งพอง, หลอดเลือดแข็งสูง), โรคเลือด (ฮีโมฟีเลีย, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ), ผู้ที่ตั้งครรภ์*4, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน, แผลติดเชื้อ, โรคติดต่อทางเลือด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และเอชไอวี |
| ยาสมุนไพรจีน | โรคติดเชื้อเฉียบพลัน, เนื้องอกมะเร็ง*8, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, เลือดออกผิดปกติ, โรคหลอดเลือด (หลอดเลือดโป่งพอง, หลอดเลือดแข็งสูง), โรคเลือด (ฮีโมฟีเลีย, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ), ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน, แผลติดเชื้อ |
หมายเหตุ
*1. ผู้ป่วยที่เป็นไข้มีอุณหภูมิร่างกายมากกว่า 38.5 °C ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสไม่สามารถรักษาได้ นอกเหนือจากกรณีดังกล่าว เช่น ไข้ที่เกิดจากความเครียดหรือการทํางานหนัก อาจสามารถรักษาได้ กรุณาปรึกษาแพทย์
*2. การรักษาเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่กระจายของมะเร็งได้
*3. สามารถนวดหัตถการและกระตุ้นด้วยไฟฟ้าบริเวณอื่นที่ไม่ใช่จุดบาดเจ็บได้
*4. ผู้ที่ตั้งครรภ์เมื่อผ่านไตรมาสแรก(1-3เดือน) แล้ว สามารถนวดหัตถการบริเวณอื่นที่ไม่ใช่บริเวณหน้าท้องและเอว
*6. โดยทั่วไปผู้ตั้งครรภ์ไม่สามารถฝังเข็มได้ แต่สามารถรับการฝังเข็มเพื่อความงามบริเวณใบหน้าได้ เมื่อผ่านไตรมาสแรก (และไม่กระตุ้นไฟฟ้า) ยกเว้นในกรณีของอาการคลื่นไส้แพ้ท้อง หรือภาวะทารกในครรภ์ไม่กลับหัว จะใช้การรักษาด้วยการรมยาสมุนไพรเป็นหลัก ทั้งนี้สามารถฝังเข็มเบาๆได้ ตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย และงดการฝังเข็มบริเวณช่วงหน้าท้องและหลัง
*7. ผู้ที่ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจสามารถรักษาด้วยการฝังเข็มได้ แต่ไม่สามารถรับการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
*8. ยาสมุนไพรจีน สามารถบรรเทาผลข้างเคียงของเคมีบำบัดและฉายรังสี และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายภายหลังผ่าตัด
ผู้ป่วยที่มีประวัติความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไปและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว กรุณาแจ้งแพทย์หรือผู้ทำหัตถการก่อนเริ่มการรักษา หรือหากท่านมีข้อกังวลอื่นๆเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย โปรดปรึกษากับแพทย์ผู้รักษา
ในกรณีที่มีอาการข้อไหล่ติด โดยส่วนใหญ่ทางคลินิกจะไม่แนะนำให้ฝังเข็มเพียงอย่างเดียว แต่จะแนะนำให้รักษาโดยการฝังเข็มร่วมกับการรักษาทางกายภาพบำบัด (หัตถการและไฟฟ้า) ค่ะ
การฝังเข็มช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อที่ตึงตัวที่ทำให้เกิดอาการปวด เมื่อการไหลเวียนของเลือดดีขึ้นจะช่วยลดอาการปวดและเพิ่มองศาในการเคลื่อนไหวให้มากขึ้น แต่ในหลายกรณี อาการปวดไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว แต่เกิดจากแกนกลางลำตัวบิดงอ ไม่ตรง ดังนั้น ทางคลินิกจึงแนะนำให้รักษาโดยการฝังเข็มร่วมกับการรักษาทางกายภาพบำบัดค่ะ
อย่างไรก็ดี ในขั้นตอนการซักประวัติ ทางคลินิกจะสอบถามลักษณะของอาการเจ็บปวด, ตรวจดูการเคลื่อนไหวและระยะองศาการเคลื่อนไหว ตลอดจนตรวจดูความลึกของอาการเจ็บปวดของท่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงเสนอวิธีการรักษาและแผนการรักษาที่มุ่งเน้นไปยังต้นเหตุที่แท้จริงค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
สามารถรักษาได้ค่ะ คนไข้ที่มาฝังเข็มที่คลินิกส่วนใหญ่จะเคยไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว แต่ผลการตรวจเป็นปกติ หรือได้รับยามาทานแล้วแต่อาการที่เป็นอยู่ไม่หายไป
สาเหตุของอาการหูมีเสียงเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การไหลเวียนของเลือดบริเวณหูแย่ลง, ร่างกายมีความเครียดมากเกินไป, คอบ่าไหล่ตึง หรือเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
ในการรักษานั้น เราใช้การฝังเข็มเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆใบหูและกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ที่เชื่อมกับหู นอกจากนี้เราจะทำการฝังเข็มที่แขนขา หน้าท้อง และหลัง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย
เมื่อทำการจอง กรุณาแจ้งระยะเวลาที่มีอาการหูมีเสียง โดยนับตั้งแต่วันที่มีอาการเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ หากอาการหูมีเสียงเกิดขึ้นนานเกิน 3 เดือน การรักษาให้หายอาจทำได้ยากหรืออาจใช้เวลานาน
รักษาค่ะ ที่คลินิกจะรักษาภาวะมีบุตรยากโดยใช้การฝังเข็มตามศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออก เป็นการฝังเข็มที่ช่วยปรับร่างกายของท่านให้ดีขึ้นและช่วยเตรียมความพร้อมให้ร่างกายตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้นค่ะ
นอกจากนี้เรายังมีการฝังเข็มเพื่อเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ทำการผสมเทียม, IVT หรือ ICSI ที่แผนกเฉพาะทางด้านมีบุตรยากในโรงพยาบาลหรือคลินิกอื่นๆด้วยค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ได้ค่ะ แม้การแพทย์แผนจีนจะไม่ได้ผ่าตัดเพื่อแก้ไขการกดทับโดยตรง แต่สามารถบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การรักษาอาการเหงื่อออกผิดปกติด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน
หากอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก (1-3เดือนแรก) ทางคลินิกจะไม่ทำการการฝังเข็มเพื่อความงามให้ เนื่องจากเป็นช่วงที่สภาพร่างกายมีความละเอียดอ่อนค่ะ แต่หากการตั้งครรภ์ผ่านไตรมาสแรกแล้ว ท่านสามารถเข้ารับการฝังเข็มเพื่อความงามได้ (ไม่กระตุ้นไฟฟ้า) ค่ะ
โดยทั่วไป คนไข้สามารถทำเลเซอร์ได้หลังจากที่ฝังเข็มเพื่อความงามแล้ว 1-2 วัน อย่างไรก็ดี หลังจากฝังเข็มเพื่อความงามเรียบร้อยแล้ว ทางแพทย์แผนจีนจะขอดูและประเมินสภาพผิวของคนไข้ก่อนแล้วจึงจะให้คำแนะนำกับคนไข้อีกครั้งค่ะ
ในทางกลับกัน หากคนไข้ไปทำเลเซอร์มาก่อนแล้วและต้องการฝังเข็มเพื่อความงาม ทางคลินิกแนะนำว่าหลังจากทำเลเซอร์แล้ว ควรจะทิ้งระยะเวลาให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงค่อยรับการรักษาแบบอื่นๆ ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์ที่คนไข้ไปทำมาด้วยค่ะ
หากคนไข้ต้องการนวดกัวซาที่ใบหน้าหลังจากที่ทำเลเซอร์มาแล้ว แนะนำให้ทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 เดือน (4 สัปดาห์) หลังจากนั้นจึงค่อยทำการนวดกัวซาค่ะ
* ที่ J-CLINIC ไม่มีบริการรักษาโดยใช้เครื่องเลเซอร์ค่ะ
ในการจ่ายยาสำหรับหนึ่งสัปดาห์ ทางคลินิกจะจ่ายยาเป็นซอง จำนวน 7 ซอง สำหรับ 7 วัน (วันละ 1 ซอง) ให้คนไข้แบ่งยาทีละครึ่งซอง สำหรับทานวันละ2ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น โดยนำยาครึ่งซองมาละลายในน้ำร้อน 200 มล. และรับประทานก่อนอาหาร 30 นาที
＊ โดยทั่วไปแล้ว ยาจีนสำหรับอาการทางกระเพาะอาหารและลำไส้จะเป็นยาก่อนอาหาร และยาจีนสำหรับบำรุงร่างกายให้ร่างกายที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงขึ้นจะเป็นยาหลังอาหาร อย่างไรก็ดี ทางแพทย์จะแจ้งวิธีการทานยาให้กับท่านในระหว่างที่ทำการซักประวัติค่ะ
โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) สามารถใช้ สมุนไพรในการรักษา ได้ โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านมุมมองของ แพทย์แผนจีน (TCM) ซึ่งถือว่าโรคนี้เกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของพลังภายในร่างกาย เช่น พลังชี่ (气), ความร้อน, ลม, ความชื้น และการทำงานของอวัยวะภายในบางอย่าง เช่น ปอด ม้าม และตับ ข้อดีของการรักษาด้วยสมุนไพรจีน คือการรักษาที่ต้นเหตุจากภายใน ปรับสมดุลของร่างกาย (ไม่ใช่แค่กดอาการ) ลดการใช้สเตียรอยด์หรือยาทาผิวในระยะยาว
ซึ่งช่วงฤดูแล้ง ผิวหนังจะแห้ง ทำให้ “ลมแห้ง” และ “เลือดพร่อง” เด่นชัดขึ้น จึงต้องใช้สมุนไพรบำรุงเลือด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เช่น: 当归 (Dang Gui) – บำรุงเลือด 川芎 (Chuan Xiong) – กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการคัน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis)
แม้ว่าท่านจะรู้สึกว่ายาสมุนไพรที่กำลังทานอยู่นั้นทำให้สภาพร่างกายดี หรือรู้สึกว่ายานั้นเหมาะกับร่างกายของท่านก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ทางเราก็ขอให้ท่านได้เข้ารับการตรวจประเมินอาการกับแพทย์อีกครั้งก่อนที่จะรับยาค่ะ
เนื่องจากสภาพร่างกายของท่านอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยที่ท่านไม่รู้ตัว ซึ่งแพทย์แผนจีนจะทำการตรวจชีพจรและตรวจลิ้นเพื่อตรวจดูการเปลี่ยนแปลงนั้น นอกจากนี้ สภาพอากาศและฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลให้สภาพร่างกายของท่านเปลี่ยนแปลงไปได้ค่ะ
สามารถรักษาได้ค่ะ
ฝังเข็มและยาจีนสามารถช่วยบรรเทาอาการและยืดระยะเวลาอาการของโรคให้สงบนานมากยิ่งขึ้น
เราจะจ่ายยาสมุนไพรจีนที่เหมาะกับสภาพร่างกายของแต่ละท่าน เพื่อช่วยปรับสมดุลและเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยการฝังเข็ม ซึ่งช่วยปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ระบบย่อยอาหาร และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
หากท่านกำลังทานยาที่แพทย์สั่งอยู่ ก็สามารถรับการรักษาที่ J-CLINIC ได้ แต่กรุณาแจ้งแพทย์แผนจีนก่อนเข้ารับการรักษาค่ะ
เคยมีกรณีที่ผู้ป่วยที่ทานยาสเตียรอยด์อยู่ รักษาด้วยการฝังเข็มและทานยาสมุนไพรจีนจนอาการดีขึ้น และสามารถลดความถี่ในการทานยาสเตียรอยด์ได้
อย่างไรก็ดี ผลของการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละท่าน หากหยุดยาสเตียรอยด์อย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้อาการกลับมาแย่ลงได้
ขอแนะนำให้มาปรึกษาแพทย์แผนจีนที่คลินิก เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฝังเข็ม หรือการฝังเข็มควบคู่กับทานยาสมุนไพรจีนค่ะ
การครอบแก้ว คือ การใช้ไฟลนในแก้วเพื่อให้เกิดสูญญากาศ และวางครอบลงไปที่บริเวณที่ต้องการรักษาตามจุดต่างๆของร่างกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
ประสิทธิภาพของการครอบแก้วนั้น กล่าวกันว่า นอกจากจะช่วยให้เลือดสะอาดบริสุทธิ์, กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว ยังช่วยลดอาการต่างๆที่เกิดขึ้นจากการไหลเวียนเลือดติดขัด เช่น อาการปวดคอบ่า, ปวดเอว, บวม, เหนื่อยง่าย, ปวดศีรษะ, ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไม่สมดุล เป็นต้น
โปรดดูวิดีโอเพื่อดูขั้นตอนการรักษา
ทางคลินิกมีการครอบแก้วหลายรูปแบบ ทั้งแบบแห้งและแบบปล่อยเลือดควบคู่กันค่ะ ทั้งนี้ คนไข้จะต้องตรวจประเมินร่างกายกับแพทย์ก่อน ว่าเหมาะสมกับการครอบแก้วแบบใด
รอยที่เกิดขึ้นหลังจากครอบแก้ว เกิดจากการที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว รอยนี้จะหายไปเองภายใน 7 -10 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเเต่ละบุคคลค่ะ
การกัวซา คือ การใช้หินหยกหรือเขาสัตว์ขูดหรือกวาดขึ้นลงในบริเวณที่ต้องการบำบัดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด
ได้ค่ะ ถ้านวดกัวซาที่ศีรษะส่วนเดียว สามารถทำได้โดยไม่ต้องทาน้ำมันค่ะ
อย่างไรก็ดี หากคนไข้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอาการใดๆ คนไข้สามารถแจ้งหรือปรึกษาคลินิกเกี่ยวกับสิ่งที่กังวลในขณะที่ทำการนัดหมายได้ค่ะ เช่น ถ้าคนไข้ต้องการจะรักษาอาการปวดศีรษะด้วยการนวดกัวซา นอกจากส่วนศีรษะแล้ว ทางคลินิกจะแนะนำให้ทำการรักษาที่ส่วนคอด้วย มีค่าใช้จ่ายดังนี้ค่ะ
หลังจากฝังเข็มและครอบแก้ว บางท่านอาจรู้สึกเหนื่อยล้า ง่วงนอน หรือมีไข้ หากร่างกายของท่านเกิดปฏิกิริยาเหล่านี้ ขอให้ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ จากนั้นร่างกายจะค่อยๆฟื้นตัวตามธรรมชาติ
ความรู้สึกเหนื่อยล้า ง่วงนอน หรือมีไข้ เกิดขึ้นเพราะร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันหลังจากการรักษา การรักษาไปกระตุ้นเซลล์ที่ทำงานไม่ดีให้ทำงานได้ดีขึ้น กระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลืองและเลือดที่คั่งค้างให้ดีขึ้น และช่วยขับของเสียและสารที่ก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าโดยทันทีในคราวเดียว
ขณะทำการฝังเข็ม เมื่อเข็มเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ตึง ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกหน่วงหรือตึงที่บริเวณที่ฝังเข็มได้ ความรู้สึกนี้จะหายไปเอง ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากถอดเข็มออก จึงไม่ต้องกังวล
หลังฝังเข็ม บริเวณที่มีการฝังเข็มอาจมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดรอยม่วงคล้ำ หรือกดเจ็บบริเวณที่ฝังเข็มได้ รอยนี้จะค่อยๆจางลงและหายไปเอง ในเวลา 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะของร่างกาย สภาพร่างกาย และจุดที่ฝังเข็ม
คลินิกมีที่จอดรถค่ะ ท่านที่เดินทางมาใช้บริการโดยรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ สามารถนำบัตรจอดรถมาประทับตราที่คลินิกเพื่อยืนยันการใช้บริการ หากท่านจอดรถเกินระยะเวลาที่กำหนด จะมีค่าบริการจอดรถแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของอาคารนั้นๆค่ะ (กรุณาดูรายละเอียดค่าจอดรถด้านล่าง)
สาขาเอกมัย (อาคาร Bangkok Mediplex ชั้น 3, ปากซอยสุขุมวิท 42)
ทางเราเป็นคลินิกจึงไม่มีการรับทิปค่ะ แม้ท่านต้องการจะให้ทิปกับทางเรา ทางเราจะขอปฏิเสธที่จะรับทิปจากท่านค่ะ
J-CLINIC ทั้ง 3 สาขาจะมีห้องเฉพาะสำหรับท่านที่มีเด็กทารกหรือเด็กเล็กมาด้วยค่ะ กรุณาแจ้งทางคลินิกตอนที่ทำการนัดหมายได้เลยค่ะ (ห้องนี้จะต้องจองล่วงหน้าค่ะ)
ไม่สามารถทำได้ค่ะ ทางคลินิกไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ บันทึกเสียงและวิดีโอภายในคลินิกค่ะ
เรื่อง การถ่ายภาพ บันทึกเสียง และวิดีโอภายใน J-CLINIC
เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้รับบริการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่าน J Clinic ขอความร่วมมือ งดการถ่ายภาพ บันทึกเสียง และวิดีโอ ภายในคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ห้ามเผยแพร่ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่มีบุคคลอื่นปรากฏอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนล่วงหน้า
กรณีที่อนุญาตให้สามารถบันทึกภาพได้
การถ่ายภาพ บันทึกเสียง หรือวิดีโอภายในคลินิก จะได้รับอนุญาตเฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้:
หมายเหตุสำคัญ
ผู้โพสต์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว
และทาง J-CLINIC ขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความเข้าใจและความร่วมมือในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) เพื่อร่วมกันรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของทุกคนภายในคลินิกค่ะ
*Update: 15/9/2025
รวมคำถามที่พบบ่อยก่อนนัดหมาย / รับการรักษาครั้งแรก (ดู FAQ แผนกการแพทย์แผนจีน)
Q. ที่ J-CLINIC ให้บริการการรักษาแบบไหนบ้างคะ
Q. แผนกกายภาพบำบัดของ J-CLINIC สามารถรักษาอะไรได้บ้างคะ
Q. จำเป็นต้องทำการนัดหมายก่อนมารักษาหรือไม่คะ
Q. ขอทราบเวลาเปิดทำการของคลินิกค่ะ
Q. อยากทราบระยะเวลาโดยประมาณในการตรวจรักษาค่ะ
Q. มีบริการรักษานอกสถานที่ไหมคะ
Q. มีสิ่งผู้ป่วยต้องนำติดตัวมาในการมาพบแพทย์ครั้งแรกไหมคะ
Q. ค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินแรกเข้าประมาณเท่าไรคะ
Q. ที่คลินิกมีคูปองในการรักษาจำหน่ายไหมคะ
Q. มีส่วนลดค่าแนะนำหรือส่วนลดพิเศษสำหรับค่ารักษาไหมคะ
Q. มีสามารถชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิตได้ไหมคะ
Q. ดิฉันรู้สึกปวดเอวค่ะ สามารถใช้ประกันในการรับการรักษาได้ไหมคะ
Q. สามารถใช้ประกันในการรักษาโดยการฝังเข็มได้ไหมคะ
Q.กรณีที่ข้อเท้าพลิก ทาง J-CLINIC มีขั้นตอนในการตรวจและรักษาอย่างไรคะ
Q. ดิฉันขาแพลงค่ะ ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานแค่ไหนคะ
Q. สามารถรับการตรวจเอ็กซเรย์ที่ J-CLINIC ได้ไหมคะ?
Q. J-CLINIC รักษาโดยการจัดกระดูกไหมคะ
Q. ดิฉันต้องการรักษาอาการข้อไหล่ติดโดยการฝังเข็มค่ะ ที่ J-CLINIC สามารถทำได้ไหมคะ
Q. ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้8เดือน มีอาการปวดเอว สามารถเข้ารับการรักษาได้ไหมคะ
Q. ดิฉันเพิ่งรับการรักษาไป รู้สึกร่างกายอ่อนเพลียเหนื่อยล้า ดิฉันควรทำอย่างไรคะ
Q. ทางคลินิกนวดคลายให้เมื่อวานนี้ ตอนนี้เกิดรอยช้ำขึ้นที่บางจุดที่ได้รับการนวด ดิฉันควรทำอย่างไรคะ
Q.ดิฉันจะไปที่คลินิกโดยรถยนต์ส่วนตัวค่ะ ที่คลินิกมีที่จอดรถไหมคะ
Q.ดิฉันสามารถพาลูกไปด้วยได้ไหมคะ
Q. เมื่ออยู่ในคลินิก สามารถถ่ายคลิปวิดีโอแล้วอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ได้ไหมคะ?
เรามีบริการรักษาทางกายภาพบำบัด การแพทย์แผนไทยประยุกต์ และการแพทย์แผนจีน
1. การรักษาทางกายภาพบำบัดและการรักษาทางการแพทย์แผนไทยประยุกต์
การรักษาทางกายภาพบำบัดของ J-CLINIC เป็นการรักษาโดยใช้หลักการพื้นฐานทางกายภาพบำบัด รักษาโดยการทำหัตถการร่วมกับการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
2. การรักษาทางแพทย์แผนจีน
การรักษาทางแพทย์แผนจีนของ J-CLINIC ประกอบด้วย การฝังเข็ม รมยา ครอบแก้ว กัวซา และยาจีนเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย
เรารักษาอาการเจ็บที่เกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและการบาดเจ็บของเส้นเอ็น เช่น ปวดหลัง, ข้อไหล่ติด, ปวดเข่า, ปวดศีรษะ, ปวดสะโพกร้าวลงขา, ข้อเท้าพลิก, ฟื้นฟูหลังการผ่าตัด, บาดเจ็บจากการเล่นกีฬาและอุบัติเหตุ เป็นต้นค่ะ
ใช่ค่ะ รบกวนทำการนัดหมายก่อนเข้ารับการรักษาค่ะ
สามารถทำการนัดหมาย โดยการส่งไลน์หรือโทรศัพท์ไปที่คลินิกสาขาที่สะดวก จะมีพนักงานชาวไทยจะเป็นผู้ดำเนินการรับเรื่องค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
คลินิกเปิดทำการเวลา 9:00-18:30 (ฝ่ายต้อนรับ) โดยเปิดทำการทุกวันไม่มีวันหยุด ยกเว้นช่วงเทศกาลปีใหม่ค่ะ
อย่างไรก็ดี อาจมีบางวันที่คลินิกหยุดเนื่องจากมีการฝึกอบรมพนักงาน ทางคลินิกจะแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับวันหยุดนี้ทาง Facebook ของคลินิกค่ะ
ระยะเวลาตรวจรักษาโดยประมาณคือ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง มีขั้นตอนคือ ผู้เข้ารับการรักษากรอกแบบฟอร์มประวัติ, ซักประวัติ, เปลี่ยนเสื้อผ้า, ทำการหัตถการหรือรักษาค่ะ
ในกรณีที่มารับการรักษาเป็นครั้งแรก อาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง และในทางกลับกัน บางกรณีอาจใช้เวลาน้อยกว่า 45 นาที ขึ้นอยู่กับอาการด้วยค่ะ (เช่น ในกรณีที่ไม่ควรกระตุ้นมากจนเกินไป เป็นต้น)
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ทางคลินิกไม่มีระบบการเรียกเก็บเงินจากบริษัทประกันภัยโดยตรง ขอให้ทางผู้เข้ารับการรักษาดำเนินการเรื่องการเคลมประกันด้วยตนเอง โดยทางคลินิกสามารถออกเอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกันให้ได้ค่ะ
ทั้งนี้ J-CLINIC ไม่สามารถระบุได้ว่าประกันของท่านจะครอบคลุมการรักษาหรือไม่ ขอให้ผู้เข้ารับบริการติดต่อสอบถามไปยังบริษัทประกันภัยของท่านโดยแจ้งอาการและแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะเข้ารับการรักษาที่แผนกกายภาพบำบัดของ J-CLINIC ค่ะ
ไม่มีบริการรักษานอกสถานที่ค่ะ ขอให้คนไข้ที่ต้องการรักษามาที่คลินิกนะคะ
ในการมารักษาครั้งแรก กรุณาเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนมาเพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ค่ะ
แจ้งเรื่องการขอบัตรประชาชน
เนื่องจากคลินิกของเราเป็นสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย เราจึงจำเป็นต้องมีการขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารบัตรแสดงตนที่มีรูปถ่ายอื่น ๆ ที่ออกโดยรัฐบาลไทย (เช่น ใบขับขี่ไทย เป็นต้น)
ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และจะไม่ถูกเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต หากท่านไม่สะดวกในการแสดงบัตรประชาชน อาจมีข้อจำกัดในการให้บริการตามระเบียบของคลินิก ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจและความร่วมมือค่ะ
ทาง J-CLINIC ไม่มีบริการตรวจสุขภาพเพื่อใช้ในการต่ออายุใบขับขี่หรือการขอวีซ่า จึงไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ค่ะ ทางเราจะออกใบรับรองแพทย์สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาที่ J-CLINIC เท่านั้นค่ะ
ทั้งนี้ การออกใบรับรองแพทย์มีค่าใช้จ่ายค่ะ (700 บาท รวมค่าตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์, ค่าใบรับรองแพทย์ และรายงานทางการแพทย์เบื้องต้น)
ในกรณีที่ชำระค่ารักษาเอง โดยส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งแรกจะอยู่ที่ 2,100 บาท (สำหรับ 1 อาการ) โดยแบ่งเป็นค่าตรวจประเมินร่างกายทางกายภาพบำบัดครั้งแรก 500 บาทและค่ารักษาทางกายภาพบำบัด (หัตถการ・ไฟฟ้า) 1,600 บาทค่ะ
ทั้งนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในกรณีที่มีการรักษาโดยการฝังเข็มเพิ่ม (แบบเฉพาะจุด), มีการรักษาหลายอาการหรือบาดเจ็บหลายตำแหน่ง หรือมีความจำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์เพื่อส่งให้กับบริษัทประกันภัย ดังนั้นท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดค่าใช้จ่าย โปรดติดต่อสอบถามกับพนักงาน J-CLINIC ค่ะ
ทางคลินิกไม่มีส่วนลดค่าแนะนำสำหรับใช้ลดค่ารักษาค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
สามารถชำระเงินโดยใช้บัตรเครดิต (ยกเว้นบัตร American Express และ Diners Club), เงินสด หรือสแกน QR Code ค่ะ
ประกันส่วนใหญ่จะไม่ครอบคลุมการรักษาโดยการฝังเข็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย ทางคลินิกจึงไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าสามารถใช้ประกันได้หรือไม่ ขอให้ท่านติดต่อสอบถามไปที่บริษัทประกันของท่านค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อ
ทางคลินิกขอแนะนำให้ทำการรักษาที่แผนกกายภาพบำบัด โดยจะมีขั้นตอนการตรวจและรักษาดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์และการใช้มือคลำ (Palpation)
2.การรักษาโดยการใช้ไฟฟ้า (การรักษาโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า High Voltage และเครื่องอัลตร้าซาวด์)
3.การรักษาโดยการทำหัตถการ
เมื่อข้อเท้าพลิกจะเกิดการอักเสบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบๆข้อต่อนั้นเกร็งตัวเพื่อปกป้องส่วนที่บาดเจ็บ ซึ่งจะนำไปสู่อาการปวดกล้ามเนื้อ, ข้อต่อ, หรือเส้นเอ็นที่อยู่รอบๆได้ ดังนั้นจึงควรเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นค่ะ
4. การใช้ Tape (เทปพยุงกล้ามเนื้อ), Supporter
5. การให้คำแนะนำหลังการรักษา
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ทางคลินิกจำเป็นต้องตรวจอย่างละเอียดก่อน จึงจะสามารถประเมินระยะเวลาและความถี่ในการรักษาได้ค่ะ
ขอให้ท่านติดต่อนัดหมายกับคลินิกเพื่อเข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บ, การเคลื่อนไหว, ระยะองศาการเคลื่อนไหว ตลอดจนตรวจดูความลึกของอาการเจ็บปวดของท่านค่ะ
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการฟื้นตัวของแต่ละท่านอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม, ลักษณะนิสัย, ความเคยชินในการใช้ร่างกาย และสไตล์การใช้ชีวิตค่ะ
อย่างไรก็ดี หากท่านต้องการทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณางบประมาณ กรุณาโทรมาที่คลินิก เพื่อให้ผู้รักษาได้พูดคุยสอบถามอาการของท่านทางโทรศัพท์ค่ะ
หากท่านมีอาการปวดบริเวณรอบๆกระดูกสะบ้าที่เข่า ทางคลินิกจะไม่รักษาโดยการทำอัลตร้าซาวน์เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้เครื่องอัลตร้าซาวน์ร่วมกับการรักษาทางหัตถการอื่นๆค่ะ
การทำอัลตร้าซาวน์จะช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อ แต่ในการรักษาที่ต้นเหตุอาจจำเป็นต้องปรับการบิดของตำแหน่งต่างๆในร่างกายด้วยค่ะ
ผู้ที่มีอาการปวดบริเวณรอบๆกระดูกสะบ้าเข่า ส่วนใหญ่มักมีอาการตึงที่ข้อเท้าและข้อสะโพก (เนื่องจากข้อเข่าเป็นตำแหน่งที่อยู่ระหว่างข้อเท้าและข้อสะโพก) การรักษาทางหัตถการเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับการบิดของข้อเท้าและข้อสะโพกค่ะ
* สามารถรับการตรวจเอ็กซเรย์ได้ที่ J-CLINIC สาขาเอกมัยค่ะ กรุณาทำการนัดหมายก่อนเข้ารับบริการค่ะ
ได้ค่ะ สามารถรับการตรวจเอ็กซเรย์ได้ที่ J-CLINIC สาขาเอกมัยค่ะ กรุณาทำการนัดหมายก่อนเข้ารับบริการค่ะ
J-CLINIC ไม่ทำการรักษาโดยการนวดจัดกระดูก เนื่องจากทางคลินิกไม่มี Chiropractor ค่ะ
แต่คลินิกสามารถทำการรักษาด้วยวิธีทางกายภาพบำบัดและแพทย์แผนไทยประยุกต์ด้วยเทคนิคการบำบัดด้วยมือ (Manual therapy) ซึ่งเป็นการรักษาด้วยเทคนิคการขยับกระดูก, ขยับข้อต่อ (Mobilization) และการดัดข้อต่อ(Manipulation) เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ทำให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
ในกรณีที่มีอาการข้อไหล่ติด โดยส่วนใหญ่ทางคลินิกจะไม่แนะนำให้ฝังเข็มเพียงอย่างเดียว แต่จะแนะนำให้รักษาโดยการฝังเข็มร่วมกับการรักษาทางกายภาพบำบัด (หัตถการและไฟฟ้า) ค่ะ
การฝังเข็มช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อที่ตึงตัวที่ทำให้เกิดอาการปวด เมื่อการไหลเวียนของเลือดดีขึ้นจะช่วยลดอาการปวดและเพิ่มองศาในการเคลื่อนไหวให้มากขึ้น แต่ในหลายกรณี อาการปวดไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว แต่เกิดจากแกนกลางลำตัวบิดงอ ไม่ตรง ดังนั้น ทางคลินิกจึงแนะนำให้รักษาโดยการฝังเข็มร่วมกับการรักษาทางกายภาพบำบัดค่ะ
อย่างไรก็ดี ในขั้นตอนการซักประวัติ ทางคลินิกจะสอบถามลักษณะของอาการเจ็บปวด, ตรวจดูการเคลื่อนไหวและระยะองศาการเคลื่อนไหว ตลอดจนตรวจดูความลึกของอาการเจ็บปวดของท่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงเสนอวิธีการรักษาและแผนการรักษาที่มุ่งเน้นไปยังต้นเหตุที่แท้จริงค่ะ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
สามารถรับการรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวดเอวได้ โดยจะเป็นการทำหัตถการเพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและปรับสมดุลด้านซ้ายและขวาของร่างกาย ไม่มีการกระตุ้นไฟฟ้าค่ะ
แม้ในระหว่างตั้งครรภ์ หากเป็นการรักษาที่ไม่ใช่บริเวณท้อง, เอว หรือหลังส่วนล่าง เช่น อาการปวดบ่าคอ หรืออาการบาดเจ็บที่ขา เป็นต้น คนไข้สามารถกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อรักษาอาการปวดได้ อย่างไรก็ดี หากรู้สึกกังวล โปรดสอบถามกับสูติแพทย์ของท่าน เพื่อดูว่าจะสามารถรับการรักษาทางกายภาพบำบัดได้หรือไม่ จากนั้นจึงค่อยทำการนัดหมายค่ะ
| วิธีการรักษา | ข้อห้าม |
| การนวดหัตถการ | โรคไข้เฉียบพลัน*1, โรคติดเชื้อเฉียบพลัน, เนื้องอกมะเร็ง*2, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ไส้ติ่งอักเสบ, โรคเลือดออกผิดปกติ, การบาดเจ็บ*3 (บาดแผล, กระดูกหัก, ข้อกระดูกเคลื่อน), ไตอักเสบ, โรคหลอดเลือด (หลอดเลือดโป่งพอง, หลอดเลือดแข็งสูง), โรคเลือด (ฮีโมฟีเลีย, การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ), แผลติดเชื้อ, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน |
| การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า(Ultrasound, EMS, Interference) | เนื้องอกมะเร็ง*2, การสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ฝังได้ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ, ประวัติอาการลมชัก, ผู้ที่ตั้งครรภ์*4, มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ, มีภาวะการรับรู้ความรู้สึกบริเวณผิวหนังบกพร่อง, แผลติดเชื้อ, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเฉียบพลัน, การบาดเจ็บ*3 (บาดแผล, กระดูกหัก, ข้อกระดูกเคลื่อน) |
หมายเหตุ
*1. ผู้ป่วยที่มีไข้จากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 38.5 ° C ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ กรณีอื่นๆ เช่น มีไข้จากความเครียดหรือการทํางานหนักอาจเข้ารับการรักษาได้ กรุณาปรึกษาแพทย์
*2. การรักษาเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองจึงมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงที่มะเร็งจะแพร่กระจายได้
*3. สามารถนวดหัตถการและกระตุ้นด้วยไฟฟ้าบริเวณอื่นที่ไม่ใช่จุดบาดเจ็บได้
*4. ผู้ที่ตั้งครรภ์เมื่อผ่านไตรมาสแรก (1-3เดือน) แล้ว สามารถนวดหัตถการบริเวณอื่นที่ไม่ใช่บริเวณหน้าท้องและเอวได้
ผู้ป่วยที่มีประวัติความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไปและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว กรุณาแจ้งแพทย์หรือผู้ทำหัตถการก่อนเริ่มการรักษา หรือหากท่านมีข้อกังวลอื่นใดเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้รักษา
หลังจากได้รับการนวดหรือกระตุ้นไฟฟ้า คนไข้อาจมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า, ง่วงนอน และมีไข้ได้ เนื่องจากการนวดหัตถการหรือการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดบริเวณกล้ามเนื้อชั้นลึกเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็ง และมีไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี หลังจากกระตุ้น จะเกิดปฏิกิริยาการฟื้นฟูของร่างกายทำให้การไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองดีขึ้น ของเสียและสารเมื่อยล้า (กรดแลคติก) จะถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วในครั้งเดียว จึงทำให้มีอาการดังกล่าวได้ หากเกิดปฏิกิริยานี้ ให้พยายามลดการใช้งานของกล้ามเนื้อ, ดื่มน้ำ และพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ จากนั้นร่างกายจะค่อยๆฟื้นตัวตามธรรมชาติค่ะ
การรักษาหัตถการเพื่อลดอาการ อาจจำเป็นต้องนวดให้ถึงกล้ามเนื้อชั้นลึก จึงส่งผลให้รู้สึกปวดกล้ามเนื้อหลังจากรับการรักษาได้ ทั้งนี้ อาการปวดนี้จะค่อยๆหายไปเองภายใน3-4วัน จึงไม่ต้องเป็นกังวล
อย่างไรก็ดี หากผู้ป่วยรู้สึกถึงน้ำหนักการนวดที่แรงเกินไปในระหว่างการรักษา กรุณาแจ้งกับทางผู้รักษาเพื่อปรับน้ำหนักให้เบาลงค่ะ
ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดฝอยบอบบาง แรงกระตุ้นจากการนวดอาจทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกและมีเลือดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยช้ำขึ้น
รอยช้ำนี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากท่านต้องการให้หายเร็วขึ้น ท่านสามารถประคบเย็นที่รอยช้ำในวันนั้นหรือภายในวันรุ่งขึ้นค่ะ
คลินิกมีที่จอดรถค่ะ ท่านที่เดินทางมาใช้บริการโดยรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์สามารถนำบัตรจอดรถมาประทับตราที่คลินิกเพื่อยืนยันการใช้บริการ หากท่านจอดรถเกินระยะเวลาที่กำหนด จะมีค่าบริการจอดรถแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของอาคารนั้นๆค่ะ (กรุณาดูรายละเอียดค่าจอดรถด้านล่าง)
สาขาเอกมัย (อาคาร Bangkok Mediplex ชั้น 3, ปากซอยสุขุมวิท 42)
ทางเราเป็นคลินิกจึงไม่มีการรับทิปค่ะ แม้ท่านต้องการจะให้ทิปกับทางเรา ทางเราจะขอปฏิเสธที่จะรับทิปจากท่านค่ะ
J-CLINIC ทั้ง 3 สาขาจะมีห้องเฉพาะสำหรับท่านที่มีเด็กทารกหรือเด็กเล็กมาด้วยค่ะ กรุณาแจ้งทางคลินิกตอนที่ทำการนัดหมายได้เลยค่ะ (ห้องนี้จะต้องจองล่วงหน้าค่ะ)
ไม่สามารถทำได้ค่ะ ทางคลินิกไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ บันทึกเสียงและวิดีโอภายในคลินิกค่ะ
เรื่อง การถ่ายภาพ บันทึกเสียง และวิดีโอภายใน J-CLINIC
เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้รับบริการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่าน J Clinic ขอความร่วมมือ งดการถ่ายภาพ บันทึกเสียง และวิดีโอ ภายในคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ห้ามเผยแพร่ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่มีบุคคลอื่นปรากฏอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนล่วงหน้า
กรณีที่อนุญาตให้สามารถบันทึกภาพได้
การถ่ายภาพ บันทึกเสียง หรือวิดีโอภายในคลินิก จะได้รับอนุญาตเฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้:
หมายเหตุสำคัญ
ผู้โพสต์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว
และทาง J-CLINIC ขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความเข้าใจและความร่วมมือในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) เพื่อร่วมกันรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของทุกคนภายในคลินิกค่ะ
*Update: 26/7/2025
เจ คลินิกทุกสาขาจะปิดทำการในวันจันทร์ ที่ 30 ตุลาคม, วันอังคาร ที่ 31 ตุลาคม และ วันพุธ ที่ 1 พฤศจิกายน สำหรับการฝึกอบรมพนักงานค่ะ
การกัวซาบนใบหน้า เป็นวิธีการรักษาและปรนนิบัติผิวตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน โดยการนำแผ่นหยกมาขูดเบาๆ บริเวณผิวหน้าตามเส้นลมปราณ เพื่อช่วยในการขจัดของเสีย การกัวซาใบหน้า ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของ ชี่และเลือด แต่ยังเพิ่มการไหลเวียนของน้ำเหลืองและของเหลวในร่างกาย
กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ และ กระตุ้นจุดลมปราณต่างๆบริเวณใบหน้า กระตุ้นการขนส่งสารอาหาร เร่งการเผาผลาญของเซลล์ ปรับสมดุลน้ำและน้ำมันใต้ผิวหนัง รักษาความยืดหยุ่นของเส้นใยใต้ผิวหนัง
เนื่องจากใบหน้าเป็นศูนย์รวมจุดลมปราณที่เชื่อมกับอวัยวะภายในมากที่สุดจึงสามารถ
ช่วง2-3ครั้งแรก ให้นัดทำการรักษาอาทิตย์ละครั้ง หลังจากนั้นให้แพทย์ผู้รักษาประเมิณปัญหาผิวและกล้ามเนื้อตามความเหมาะสม
หากไม่มั่นใจว่าผิวของเราเหมาะสมทำการกวาซาได้หรือไม่สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษา
J-CLINIC กลับมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมประจำปีอีกครั้งในวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 หลังจากที่ต้องหยุดทำกิจกรรมไปชั่วคราวเป็นเวลา 4 ปี เนื่องจากการระบาดของโควิด ในครั้งนี้ เราเดินทางไปให้การรักษาในหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของพนักงาน ซึ่งทำงานกับ J-CLINIC มายาวนานถึง 9 ปี
เราตัดสินใจลงพื้นที่ปฏิบัติงานยังบ้านเกิด สถานที่ที่พนักงานของเราเกิดและเติบโตขึ้นมา เพราะ J-CLINIC ให้ความสำคัญกับความสุขของคนในครอบครัวพนักงานของเรา (เป็นหนึ่งใน ”วงจรความสุข 5 ข้อ” ของบริษัท) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เราต้องต้องการ คือ
ในครั้งก่อนหน้า เราทำกิจกรรมอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชรา (ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562) แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เราเลือกสถานที่ที่ครอบครัวของพนักงานอาศัยอยู่
โดยในกิจกรรมครั้งนี้ เราให้การรักษาคนไข้ประมาณ 50 คนในเต็นท์ออกหน่วย และยังมีการจัดทีมออกเยี่ยมบ้าน เพื่อออกตระเวนรักษา สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามารับการรักษาได้ ซึ่งชาวบ้านจากในหมู่บ้าน ก็ต่างดีใจที่ได้พบพวกเรา และพวกเราชาว J-CLINIC ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน!
หนึ่งใน Core Value ของ J-CLINIC คือการสร้างผลเชิงบวกต่อสังคม ผ่านกิจกรรมอาสาในชุมชนประจำปีของเรา
พนักงานของเราทุกคนจะเติบโตยิ่งขึ้นต่อไป เพื่อให้เราสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับชุมชนต่างๆ ในประเทศไทยได้!
ในดือนมิถุนาย 2566 ทุกสาขาจะปิดให้บริการตามตารางดังต่อไปนี้ค่ะ
ในเดือนพฤษภาคม 2566 ทุกสาขาจะปิดให้บริการตามตารางดังต่อไปนี้ค่ะ
