J-CLINIC

สำหรับการจอง โปรดดูรายละเอียดคลีนิค สถานที่และเวลาเปิดทำการ รบกวนลูกค้าสอบถามไปยังสถานบริการที่ใกล้เคียง

  • ทองหล่อ
  • พร้อมพงษ์
  • เอกมัย

การรักษาอาการหูมีเสียงด้วยการฝังเข็มตามแบบฉบับการแพทย์แผนจีน และแชร์เคสการรักษาอาการหูมีเสียง | J-CLINIC

สวัสดีค่ะ หมอฟร้องซ์จากเจสหคลินิกนะคะ วันนี้จะมาแชร์แนวทางการรักษาอาการหูมีเสียงตามแบบฉบับแพทย์แผนจีน และแชร์เคสการรักษาอาการหูมีเสียง พร้อมทั้งแนวทางการป้องกันและแนวทางในการดูแลตัวเองด้วยค่ะ

 

ตัวอย่างกรณีการรักษาผู้ป่วยหูมีเสียง

左の耳を抑えている男性
ชื่อ: คุณ J

เพศ: ชาย อายุ: 33 ปี

ประวัติการเจ็บป่วย/โรคประจำตัว: ปฏิเสธ

อาการหลัก: หูข้างซ้ายมีเสียง มีอาการมาประมาณ 1 ปี

 

อาการปัจจุบัน

  • มีอาการหูข้างซ้ายมีเสียง มีอาการมาประมาณ 1 ปี, 2-3 เดือนที่ผ่านมาเป็นหนักขึ้น เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงเบาๆความถี่ต่ำ อาการหูมีเสียงจะเป็นหนักขึ้นเมื่อมีอาการตึงบริเวณคอบ่าร่วมด้วย

  • เคยไปตรวจที่โรงพยาบาล การได้ยินเสียงปกติ แพทย์แผนปัจจุบันจ่ายวิตามินบำรุงปลายประสาทมาให้ทาน แต่อาการหูมีเสียงยังเหมือนเดิม

  • อาการอื่นๆ ระบบย่อยอาหารไม่ดี รู้สึกอาหารไม่ย่อย เรอเป็นกลิ่นอาหาร และมีอาการแน่นท้อง

  • ความอยากอาหารลดลงในบางวันที่ถ่ายไม่ออก ทานน้ำเยอะ 3-5 ลิตรต่อวัน แต่ยังรู้สึกกระหายน้ำ เป็นร้อนในในปากง่าย (ช่วงไหนพักผ่อนน้อยจะเป็นร้อนในในปากบ่อย)

  • ท้องผูก (3-4วันถ่ายครั้งนึง)

  • การนอนหลับดี มีตื่นมาเข้าห้องน้ำบ้างและเข้านอนต่อได้ แต่เวลานอนไม่คงที่ (จากการทำงาน)

 

治療計画を説明する中医師

การตรวจร่างกาย: ลิ้นแดงเข้ม ฝ้าเหลืองมีฟองน้ำลาย มีรอยแตกกลางลิ้น

 

脈診をする中医師

ชีพจรพร่อง อ่อน และกลวง

 

การวินิจฉัยตามแพทย์แผนจีน: ภาวะหูมีเสียง (耳鸣)กลุ่มอาการ: กลุ่มอาการม้ามและกระเพาะอาหารพร่องร่วมกับกลุ่มอาการชี่ไตพร่อง

การวินิจฉัยตามแพทย์แผนปัจจุบัน: ภาวะมีเสียงในหูที่เกิดจากประสาทหูเสื่อม

วิธีการรักษา : รักษาด้วยการฝังเข็มและกระตุ้นไฟฟ้า

 

จุดฝังเข็ม

 

首回りの鍼治療を練習する中医師

จุดหลัก : จะเน้นคลายกล้ามเนื้อคอบ่าที่มีอาการตึงโดยจะเน้นมัดกล้ามเนื้อ SCM, Scalenus และ  Levator scapulae และใช้จุดที่บริเวณหน้าหู-หลังหู เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทบริเวณหู จะเลือกใช้จุดเอ่อร์เหมิน (耳门), จุดทิงกง (听宫), จุดทิงฮุ่ย (听会), จุดอี้เฟิง (翳风), จุดจงจู่ (中渚), จุดป๋ายฮุ่ย (百会), จุดเฟิงฉือ (凤池)

จุดเสริม : บำรุงอวัยวะม้าม กระเพาะอาหารและไต เพิ่มพลังงานและการไหลเวียนเลือด จะเลือกใช้จุด ผีซู (脾俞), จุดเว่ยซู (胃俞), จุดเซิ่นซู (肾俞), จุดกานซู (肝俞), จุดเฮอกู่ (合谷), จุดไท่ซี (太溪), จุดหยงฉวน (涌泉), จุดจือโกว (支沟), จุดเทียนซู (天枢), จุดชี่ห่าย (气海), จุดกวนหยวน (关元), จุดจู๋ซานหลี่ (足三里)

 

ผลการรักษา

หลังจากการรักษาต่อเนื่องด้วยการฝังเข็มคลายกล้ามเนื้อคอและบ่า ร่วมกับการฝังเข็มปรับสมดุล หลังรักษาไป 2 ครั้งอาการหูมีเสียงลดลงจาก 100% เหลือประมาณ 20% มีบางวันที่อาการหายไปเลย และความถี่ในการได้ยินเสียงลดลง แต่มีบางช่วงที่อาการหูมีเสียงกลับมาเป็นมากขึ้นเนื่องจากกล้ามเนื้อคอและบ่าตึง อาการร่วมอื่นดีขึ้นตามลำดับ หลังรักษาไป 2 ครั้งไม่มีอาการแน่นท้องแล้ว มีแก๊สในกระเพาะอาหารบ้างบางวัน ความอยากอาหารปกติ ไม่มีอาการร้อนใน อาการท้องผูกดีขึ้นประมาณ 1-2 วันถ่ายครั้งนึง การนอนหลับดี

 

วิเคราะห์ผลการรักษา

การรักษาในทุกๆครั้งจะเน้นไปที่การฝังเข็มปรับสมดุลภายในร่างกาย การบำรุงอวัยวะไต ม้ามและกระเพาะอาหาร และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ในเคสผู้ป่วยรายนี้นอกจากฝังเข็มตามหลักการรักษาทางแพทย์แผนจีนแล้ว ยังมีการฝังเข็มเพื่อคลายกล้ามเนื้อคอและบ่าร่วมอีกด้วย เนื่องจากที่คนไข้กล่าวว่า “จะเป็นมากตอนช่วงที่ขับรถหรือก้มคออ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานๆ” และลักษณะท่าทางของคนไข้ ซึ่งมีลักษณะคอยื่นไปและไหล่ห่องุ้มไปข้างหน้า จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหน้า (มัดกล้ามเนื้อ SCM, SCALENE และ LEVATOR SCAPULAE) มีความตึงตัวและหดตัวไปหนีบเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ไปหล่อเลี้ยงบริเวณหู จึงทำให้เกิดอาการหูเสียงและนอกจากนี้คนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ซึ่งอวัยวะที่เกี่ยวข้องก็คือม้ามและกระเพาะอาหาร ในทางการแพทย์แผนจีนเมื่ออวัยวะม้ามและกระเพาะอาหารพร่อง ก็จะทำให้ความสามารถในการย่อยอาหารน้อยลง เมื่อย่อยได้น้อยลงร่างกายก็จะได้รับสารอาหารน้อยลง และทำให้อวัยวะต่างๆรวมถึงทวารทั้ง 5 ได้รับสารอาหารมาหล่อเลี้ยงน้อยลงจึงทำให้เกิดอาการหูมีเสียง

 

肩甲挙筋と胸鎖乳突筋のイラスト

SCM และ LEVATOR SCAPULAE

 

 

斜角筋のイラスト

SCALENE

 

จากเคสกรณีตัวอย่างเราเลือกการรักษาอาการหูมีเสียงด้วยการฝังเข็ม อาการของคนไข้ดีขึ้นตามลำดับ มีช่วงที่อาการสงบและอาการกลับมากำเริบ เคสนี้คนไข้บอกว่าหลังจากที่ขับรถและมีการก้มคออ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานทำให้มีอาการตึงบริเวณคอและบ่า และอาการหูมีเสียงกลับมากำเริบ จึงสรุปแนวทางการรักษาสำหรับเคสนี้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่าตึงตัวทำให้อาการหูมีเสียงกำเริบ และอีกส่วนคือการทำงานของอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหารพร่องลงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เราจึงเน้นที่การคลายกล้ามเนื้อ การปรับท่าทางการใช้ชีวิตประจำวัน การกระตุ้นปลายประสาทบริเวณหู การปรับสมดุลร่างกายองค์รวม และการทานอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ลูกเดือย ฟักทอง เลม่อน ข้าวโพด แครอท และอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะไต ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีม่วงหรือสีดำ เช่น ถั่วดำ องุ่นดำ เห็ดหูหนู งาดำ ลูกพรุน

 

การปรับสมดุลร่างกายองค์รวม และการทานอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ลูกเดือย ฟักทอง เลม่อน ข้าวโพด แครอท

การทานอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ลูกเดือย ฟักทอง เลม่อน ข้าวโพด แครอท

 

เช่น ถั่วดำ องุ่นดำ เห็ดหูหนู งาดำ ลูกพรุน

อาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะไต ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีม่วงหรือสีดำ เช่น ถั่วดำ องุ่นดำ เห็ดหูหนู งาดำ ลูกพรุน

 

 

การป้องกันไม่ให้เกิดเสียงในหู

    1. หลีกเลี่ยงเสียงดัง เช่น เสียงประทัด หรือเสียงปืน เสียงในสถานบันเทิงต่างๆ หากต้องทำงานในที่ที่มีเสียงดังมาก ควรใส่ที่ป้องกันเสียง
    2. หลีกเลี่ยงสารพิษ มีสารพิษหลายชนิดที่จะทำให้ประสาทหูเสื่อม และมีเสียงดังในหู เช่น ยาฉีดฆ่าเชื้อสเตร็ปโตไมซิน อมิโนกลัยโคไซด์
    3. ป้องกันหูและศีรษะจากการบาดเจ็บ เช่น ถูกตบที่หู ไม่ควรแคะหรือปั่นหู
    4. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจิตใจแจ่มใส ลดความเครียดและวิตกกังวล อย่าอยู่ในที่เงียบๆ คนเดียวนานๆ

 

 

初診に関するよくある質問|J-CLINIC鍼灸漢方科

 

Other our blogs

 

สามารถทำการนัดหมายได้โดยการส่งไลน์หรือโทรไปที่คลินิกสาขาที่สะดวก โดยจะมีพนักงานชาวไทยจะเป็นผู้ดำเนินการรับเรื่องค่ะ

  • สาขาพร้อมพงษ์:097-257-3577

  • สาขาทองหล่อ:084-424-1299

  • สาขาเอกมัย:097-245-7863

 

J-CLINIC Phrom phong Line Account

สาขาพร้อมพงษ์

 

J-CLINIC Thonglor Line Account

สาขาทองหล่อ

 

Ekkamai Line Account

สาขาเอกมัย