สวัสดีค่ะ หมอฟร้องซ์จากเจสหคลินิกนะคะ วันนี้จะมาแชร์แนวทางการรักษาอาการหูมีเสียงตามแบบฉบับแพทย์แผนจีน และแชร์เคสการรักษาอาการหูมีเสียง พร้อมทั้งแนวทางการป้องกันและแนวทางในการดูแลตัวเองด้วยค่ะ
เพศ: ชาย อายุ: 33 ปี
ประวัติการเจ็บป่วย/โรคประจำตัว: ปฏิเสธ
อาการหลัก: หูข้างซ้ายมีเสียง มีอาการมาประมาณ 1 ปี
การวินิจฉัยตามแพทย์แผนจีน: ภาวะหูมีเสียง (耳鸣)กลุ่มอาการ: กลุ่มอาการม้ามและกระเพาะอาหารพร่องร่วมกับกลุ่มอาการชี่ไตพร่อง
การวินิจฉัยตามแพทย์แผนปัจจุบัน: ภาวะมีเสียงในหูที่เกิดจากประสาทหูเสื่อม
วิธีการรักษา : รักษาด้วยการฝังเข็มและกระตุ้นไฟฟ้า
จุดหลัก : จะเน้นคลายกล้ามเนื้อคอบ่าที่มีอาการตึงโดยจะเน้นมัดกล้ามเนื้อ SCM, Scalenus และ Levator scapulae และใช้จุดที่บริเวณหน้าหู-หลังหู เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทบริเวณหู จะเลือกใช้จุดเอ่อร์เหมิน (耳门), จุดทิงกง (听宫), จุดทิงฮุ่ย (听会), จุดอี้เฟิง (翳风), จุดจงจู่ (中渚), จุดป๋ายฮุ่ย (百会), จุดเฟิงฉือ (凤池)
จุดเสริม : บำรุงอวัยวะม้าม กระเพาะอาหารและไต เพิ่มพลังงานและการไหลเวียนเลือด จะเลือกใช้จุด ผีซู (脾俞), จุดเว่ยซู (胃俞), จุดเซิ่นซู (肾俞), จุดกานซู (肝俞), จุดเฮอกู่ (合谷), จุดไท่ซี (太溪), จุดหยงฉวน (涌泉), จุดจือโกว (支沟), จุดเทียนซู (天枢), จุดชี่ห่าย (气海), จุดกวนหยวน (关元), จุดจู๋ซานหลี่ (足三里)
หลังจากการรักษาต่อเนื่องด้วยการฝังเข็มคลายกล้ามเนื้อคอและบ่า ร่วมกับการฝังเข็มปรับสมดุล หลังรักษาไป 2 ครั้งอาการหูมีเสียงลดลงจาก 100% เหลือประมาณ 20% มีบางวันที่อาการหายไปเลย และความถี่ในการได้ยินเสียงลดลง แต่มีบางช่วงที่อาการหูมีเสียงกลับมาเป็นมากขึ้นเนื่องจากกล้ามเนื้อคอและบ่าตึง อาการร่วมอื่นดีขึ้นตามลำดับ หลังรักษาไป 2 ครั้งไม่มีอาการแน่นท้องแล้ว มีแก๊สในกระเพาะอาหารบ้างบางวัน ความอยากอาหารปกติ ไม่มีอาการร้อนใน อาการท้องผูกดีขึ้นประมาณ 1-2 วันถ่ายครั้งนึง การนอนหลับดี
การรักษาในทุกๆครั้งจะเน้นไปที่การฝังเข็มปรับสมดุลภายในร่างกาย การบำรุงอวัยวะไต ม้ามและกระเพาะอาหาร และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ในเคสผู้ป่วยรายนี้นอกจากฝังเข็มตามหลักการรักษาทางแพทย์แผนจีนแล้ว ยังมีการฝังเข็มเพื่อคลายกล้ามเนื้อคอและบ่าร่วมอีกด้วย เนื่องจากที่คนไข้กล่าวว่า “จะเป็นมากตอนช่วงที่ขับรถหรือก้มคออ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานๆ” และลักษณะท่าทางของคนไข้ ซึ่งมีลักษณะคอยื่นไปและไหล่ห่องุ้มไปข้างหน้า จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหน้า (มัดกล้ามเนื้อ SCM, SCALENE และ LEVATOR SCAPULAE) มีความตึงตัวและหดตัวไปหนีบเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ไปหล่อเลี้ยงบริเวณหู จึงทำให้เกิดอาการหูเสียงและนอกจากนี้คนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ซึ่งอวัยวะที่เกี่ยวข้องก็คือม้ามและกระเพาะอาหาร ในทางการแพทย์แผนจีนเมื่ออวัยวะม้ามและกระเพาะอาหารพร่อง ก็จะทำให้ความสามารถในการย่อยอาหารน้อยลง เมื่อย่อยได้น้อยลงร่างกายก็จะได้รับสารอาหารน้อยลง และทำให้อวัยวะต่างๆรวมถึงทวารทั้ง 5 ได้รับสารอาหารมาหล่อเลี้ยงน้อยลงจึงทำให้เกิดอาการหูมีเสียง
จากเคสกรณีตัวอย่างเราเลือกการรักษาอาการหูมีเสียงด้วยการฝังเข็ม อาการของคนไข้ดีขึ้นตามลำดับ มีช่วงที่อาการสงบและอาการกลับมากำเริบ เคสนี้คนไข้บอกว่าหลังจากที่ขับรถและมีการก้มคออ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานทำให้มีอาการตึงบริเวณคอและบ่า และอาการหูมีเสียงกลับมากำเริบ จึงสรุปแนวทางการรักษาสำหรับเคสนี้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่าตึงตัวทำให้อาการหูมีเสียงกำเริบ และอีกส่วนคือการทำงานของอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหารพร่องลงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เราจึงเน้นที่การคลายกล้ามเนื้อ การปรับท่าทางการใช้ชีวิตประจำวัน การกระตุ้นปลายประสาทบริเวณหู การปรับสมดุลร่างกายองค์รวม และการทานอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ลูกเดือย ฟักทอง เลม่อน ข้าวโพด แครอท และอาหารที่มีฤทธิ์บำรุงอวัยวะไต ส่วนใหญ่มักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีม่วงหรือสีดำ เช่น ถั่วดำ องุ่นดำ เห็ดหูหนู งาดำ ลูกพรุน
การป้องกันไม่ให้เกิดเสียงในหู